Dhamma for people
ธรรมะเพื่อประชาชน
พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ๐๗
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นผลมาจากความอดทนและความเพียรพยายาม ซึ่งต้องทุ่มเททั้งพลังกายและพลังใจเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมาย ทุกสิ่งทุกอย่างจึงจะสำเร็จได้ไม่ใช่วาสนาโชคชะตาราศี บุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร ดังนั้นน่ะเราต้องเร่งประพฤติปฏิบัติธรรมกันให้เต็มที่เพื่อแข่งกับเวลาที่เหลือน้อยลงไปทุกที ถ้าเราไม่ประมาทในการปฏิบัติธรรมไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง คือความเพียรที่คิดว่าจะทำในวันพรุ่งนี้ ก็ให้รีบทำเสียแต่ในวันนี้ ส่วนความเพียรที่คิดว่าจะทำในวันนี้ก็ให้ทำเดี๋ยวนี้ เราไม่อาจรู้ได้ว่า ชั่วโมงหรือนาทีต่อไปจะมีสำหรับเราหรือไม่ วินาทีนี้เท่านั้นที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ฉะนั้นน่ะเราไม่ควรประมาทให้หมั่นทำใจให้หยุดให้นิ่ง ทำใจใสสะอาดบริสุทธิ์อยู่ภายในทำความเพียรกันไป จนกว่าเราจะเข้าถึงพระธรรมกายภายในกันนะจ๊ะ
มีธรรมภาษิตที่เตมียกุมารได้กล่าวเตือนตัวเองเอาไว้ว่า
เตมียกุมาร ถ้าเจ้าต้องการ
จะตกนรกอีกละก็ เจ้าก็จงกินขนม
และของขบเคี้ยวเหล่านั้น
ตามความพอใจเถิด
จากภาษิตสอนตนในเบื้องต้นนี้ หลวงพ่อก็อยากให้ลูกทุกๆ คนลองนึกย้อนกลับมาดูตัวเราเองนะจ๊ะ ว่าหากมีใครมายื่นข้อเสนอให้เราว่า จะมอบสมบัติจักรพรรดิให้ได้ใช้จ่ายอย่างเต็มที่ ให้เสวยเบญจกามคุณดุจเทพบุตรเทพธิดาในสวรรค์เป็นเวลา ๗ วันจากนั้นก็มีข้อแม้ว่าจะต้องถูกทางทัณฑ์ทรมานในการเคี่ยนตีดุจในมหานรก โดยไม่มีการหยุดพักเลย ให้ได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัสจนกว่าจะตาย ครั้นตายแล้วก็มาเกิดใหม่ในนรกนั้นอีก ถ้าเป็นเช่นนี้คงไม่มีใครปรารถนาอยากจะได้สมบัติใหญ่นั้น ซึ่งเป็นประดุดยาพิษที่เคลือบด้วยน้ำตาล
แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีชาวโลกมากมายที่มีความคิดตรงกันข้ามเช่น บางคนรู้ว่าการเป็นโจรลักขโมยทรัพย์สินของคนอื่น ไม่เร็วก็ช้าก็ต้องถูกเจ้าหน้าที่จับได้ หรือพลาดพลั้งอาจถูกเจ้าทรัพย์ฆ่าตาย แม้ตายแล้วก็ต้องไปตกนรก บางคนยอมผิดศีลกับภรรยาคนอื่น ทั้งๆ ที่รู้ว่าหากสามีเขาจับได้ตัวเองก็จะต้องเดือดร้อนแต่ก็ยังฝืนทำ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมนุษย์ยังถูกกิเลสบังคับบัญชาอยู่ มีราคะ โทสะ โมหะครอบงำจิตใจอยู่มาก จึงมองแต่ได้ไม่มองเสีย หรืออย่างมากก็คิดเพียงว่า ถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาก็จะไปแก้ปัญหาเอาเฉพาะหน้า ทำให้โลกเราเกิดเรื่องวุ่นวายกันไปทั่ว
เพราะมนุษย์ขาดหิริโอตัปปะ ทำบาปอกุศลกันเป็นอาจิณ เมื่อละโลกแล้วจึงต้องไปบังเกิดในอบายกันมากมาย แต่พระเตมียกุมารไม่ทรงเป็นเช่นนั้น เพราะท่านเห็นภัยในนรกชัดเจน จึงหาทางที่จะหลีกเลี่ยงให้ได้ ไม่ยอมที่จะทำบาปอกุศลซ้ำอีก จึงตั้งจิตอธิษฐานยอมเป็นคนง่อย เป็นคนใบ้ เป็นคนหูหนวกซึ่งนี่ก็คือเส้นทางที่ท่านได้เลือกเดิน แม้จะยากเพียงไรก็จะฝ่าฟันไปให้ได้ พระเตมียกุมารก็จะต้องพบกับบททดสอบ ที่โหดร้ายทารุณซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เรามาติดตามรับฟังกันเลยนะจ๊ะ
จากครั้งที่หลวงพ่อได้เล่าถึงตอนที่พระเจ้ากาสิกราชทรงรับสั่งให้พวกนางนมทดลองให้พระกุมารดื่มนมผิดเวลา แต่พระกุมมารก็ไม่ร้องไห้ บางคราวนางนมได้ถวายนมวันละครั้ง ปล่อยให้พระราชกุมารทนหิวไปเลื่อย ๆ แต่พระราชกุมาก็ไม่ร้อง กลับทรงนิ่งเฉย ไม่ได้ทรงแสดงการกระสับกระส่ายสักนิดเดียว พระองค์แม้ทรงยังเป็นเด็กทารกน้อย แต่ทรงมีขันติธรรมเป็นยอด
พระนางเจ้าจันทาเทวีทอดพระเนตรเห็นพระราชกุมารไม่ทรงกรรแสง ไม่ทรงคร่ำครวญ ไม่คู้พระกัตถ์และพระบาท ไม่เปร่งพระวาจา ก็ไม่อาจจะทนดูอยู่ได้ จึงได้ตรัสปลอบโยนว่า ลูกรักในเมื่อเจ้าหิวเหตุใดจึงยังนิ่งเฉยอยู่เล่า ถึงกระนั้นพระกุมารก็ไม่ได้แสดงอาการตอบรับแต่อย่างใด ทรงทำตนเป็นดุจคนหูหนวก ไม่สนพระทัยอะไร พระนางได้อุ้มพระกุมารมากอดไว้ด้วยความรัก และจะให้ดื่มนมจากพระถันของพระนางเอง น้ำพระเนตรของพระนางก็ค่อยๆ หลั่งริน ทรงสะอื้นไห้ด้วยความรักและสงสาร
วันถัดมาพวกนางนมเห็น พระเตมียกุมารยังทรงนิ่งเฉยอีก จึงปรึกษากันว่า ธรรมดาคนง่อยเปลี้ยมือและเท้าย่อมไม่เป็นอย่างนี้ ปลายคางก็ไม่เป็นอย่างนี้ และถ้าเป็นคนหูหนวกช่องหูก็จะไม่เป็นอย่างนี้ การที่พระราชกุมารทรงเป็นเหมือนคนง่อยเปลี้ยและหูหนวกเช่นนี้ ทั้งๆ ที่อวัยวะทุกส่วนล้วนสมบูรณ์ดีไม่ได้บกพร่องแต่อย่างใด เห็นทีจะต้องมีเหตุผิดปกติอะไรบางอย่างเป็นแน่ พวกเราจะต้องทดลองให้รู้ความจริง จึงพากันคิดหาอุบายต่างๆ เพื่อลองพระทัยพระราชกุมาร พวกนางทดลองปล่อยให้พระราชกุมารอดนมตลอดทั้งวันโดยที่ไม่ยอมถวายนมให้ดื่มเลย บางคราวถึง ๒ วัน ทดลองอย่างนี้เป็นเวลาแรมปี แต่พระราชกุมารก็ไม่ได้ทรงกันแสงหรือทรงขยับพระหัตถ์และพระบาทเลย
ต่อมา พวกอำมาตย์กราบทูลพระราชาว่า ขอเดชะข้าแต่มหาราชเจ้า ธรรมดาเด็กอายุหนึ่งขวบชอบกินขนมและของขบเคี้ยว ขอให้พระองค์ทรงโปรดให้ทดลองด้วยขนมและของขบเคี้ยวเถิดพระเจ้าข้า พระราชาก็ทรางให้ทดลองตามนั้น โดยให้นำขนมและของขบเคี้ยวซึ่งล้วนมีสีสันสวยงาม รสชาติหอมหวาน บรรจงจัดใส่ภาชนะอย่างปราณีตและนำไปวางไว้ใกล้พระราชกุมาร ซึ่งแวดล้อมด้วยกุมารทั้ง ๕๐๐ แล้วก็เฝ้าแอบดูอยู่ใกล้ๆ กุมารทั้งหมด เมื่อได้เห็นขนมและของขบเคี้ยวชนิดต่างๆ ก็ไม่อาจอดใจได้ พากันยื้อแย่งถาดขนมกันจ้าละหวั่น บ้างก็ทะเลาะกันเสียงดังไปทั่วท้องพระโรง ในขณะที่พระเตมียกุมารยังคงรักษาคำสัตย์อย่างมั่นคง เป็นเช่นสัตบุรุษที่ยอมสละชีวิตได้แต่จะไม่ยอมสละธรรม แม้ว่าขนมและของขบเคี้ยวเหล่านั้น จะยั่วยวนใจให้ลิ้มลองสักเพียงใด ในเมื่อตั้งใจว่า จะไม่ทำลายสัจจะวาจา พระกุมารก็ยังอดทนนิ่งเฉยได้ เหมือนไม่สนใจใยดีและในขณะเดียวกันก็สอนตนว่า เตมียกุมารถ้าเจ้าต้องการจะตกนรกอีกละก็ เจ้าก็จงกินขนมและของขบเคี้ยวเหล่านั้นตามความพอใจเถิด ดำริเช่นนี้แล้วก็ไม่ได้เหลียวดูขนมและของขบเคี้ยวเหล่านั้นเลย
แม้จะทดลองในขนมอย่างนี้นานเป็นปี จนพระเตมียกุมารพระชนมายุได้ ๒ พระชันษาแล้ว ก็ยังไม่แสดงอาการใดๆ ยังคงนิ่งเฉยดังเดิม อำมาตย์เหล่านั้นก็ได้พยายามทดลองด้วยขนมและของขบเคี้ยว แล้วก็ยังไม่ได้ผล จึงกราบทูลว่า ขอเดชะข้าแต่มหาราชเจ้า ธรรมดาเด็กอายุสองขวบชื่นชอบผลไม้น้อยใหญ่นานาชนิด ขอพระองค์ทรงโปรดให้ทดลองด้วยผลไม้รสหวานเถิดพระเจ้าข้า พระเจ้ากาสิกราชก็ทรงให้กระทำตามนั้น โดยให้นำเอาผลไม้นานาชนิดที่เด็กๆ ชอบกินใส่ถาดแล้วก็นำเข้าไปวางไว้โดยวิธีเดิม แต่พระราชกุมารยังตั้งมั่นรักษามโนปณิธาน ได้เตือนตนเองอย่างหนักแน่นว่า เตมิยกุมารถ้าเจ้าอยากจะตกนรกแล้วละก็เจ้าก็จงหยิบผลไม้เหล่านั้นกินตามความพอใจเถิด เมื่อกล่าวสอนตนเองดังนี้แล้วก็ทรงนอนนิ่งเฉย ทรงใช้ความกลัวต่อภัยในนรกข่มความอยากให้ระงับไปไม่ทรงน้อยพระทัย ไม่ทรงนึกตัดพ้อว่า เมื่ออย่ากจะให้เรากินก็ทำไมไม่ให้เรากินดีๆ ทำไมต้องแกล้งเราด้วย
พวกอำมาตย์แม้จะทดลองด้วยวิธีนี้อยู่หนึ่งปี แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลย จึงได้กราบทูลต่อไปว่า ข้าแต่พระองค์ผู้สมมุติเทพ ธรรมดาเด็กอายุสามขวบมักโปรดปรานของเล่น เช่นตุ๊กตาช้าง ตุ๊กตาม้า รถหรือเรือคันเล็กๆ เป็นต้น ขอพระองค์ทรงโปรดให้ทดลองด้วยของเล่นเหล่านั้นเถิดพระเจ้าข้า กราบทูลดังนี้แล้วก็ให้ทำของเล่น เช่นตุ๊กตาช้าง ตุ๊กตาม้า รถ และเรือเล็กๆ เป็นต้นด้วยทองคำ นำไปวางไว้ใกล้ ๆ พระราชกุมาร กุมารทั้ง ๕๐๐ คนต่างพากันยื้อแย่งกัน ส่วนพระราชกุมารนอกจากจะไม่ทรงหยิบจับของเล่นชิ้นใดแล้ว พระองค์ยังไม่ทรงทอดพระเนตรดูเลย ทรงมีจิตใจหนักแน่นยิ่งกว่าผืนปฐภี เข้มแข็งยิ่งกว่าภูผาศิลาเสียอีก ส่วนว่าพระราชกุมารจะต้องฝ่าด่านหฤโหดอีกมากมายอย่างไรบ้างนั้น เราค่อยมาติดตามรับฟังกันต่อในวันพรุ่งนี้นะจ๊ะ
สำหรับวันนี้ให้ลูกทุกคนมีความอดทนอดกลั้น ตั้งแต่อดทนต่อความลำบากตรากตรำ อดทนต่อทุกขเวทนา อดทนต่อการกระทบกระทั่ง และอดทนต่ออำนาจกิเลสอาสวะ เพราะความอดทนนีแหละจะนำพาเราไปสู่เป้าหมายคือพระนิพพานได้นะจ๊ะ
พระธรรมเทศนา โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)