“ ความยินดีของผู้อยู่ครองเรือนนี่แหละ ที่เป็นเสมือนเชือกที่ผูกเหนี่ยวไว้ ธีรชนตัดเชือกนี้ได้แล้ว ไม่อาลัยใยดี จึงละกามสุขแล้วหลีกเว้นไป"สุสีมชาดก
เครื่องพันธนาการ ที่คอยเหนี่ยวรั้งสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้ติดข้องอยู่ในภพสาม ไม่ใช่เครื่องจองจำที่ใช้เหนี่ยวรั้งนักโทษ แต่เป็นความยินดีในทรัพย์สินเงินทอง และกามสุขทั้งหลาย หากเราไม่มีสติกำกับให้ดี จะตกอยู่ภายใต้อำนาจของกิเลสอาสวะ ซึ่งเท่ากับเราตกอยู่ในที่คุมขังอันแน่นหนาที่สุด ยากที่จะหลุดพ้นออกมาได้ จะถูกกักขังเป็นชั้นๆ…
เริ่มตั้งแต่ นิรยภูมิ มนุษยภูมิ โลกสวรรค์ แม้กระทั่งพรหม และอรูปพรหม ล้วนตกอยู่ในที่คุมขังกันทั้งสิ้น บุคคลใดสามารถฉุกคิดได้ และพยายามออกจากความยินดีในกิเลสทั้งหลายเหล่านั้น นับว่าเป็นผู้ที่ควรแก่การยกย่องสรรเสริญ และเป็นผู้ที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นแบบอย่างของนักสร้างบารมีทั้งหลาย
กว่าที่สมเด็จพระบรมศาสดา จะก้าวขึ้นมาเป็นบรมครูของโลกได้ พระองค์เองต้องสร้างบารมีชนิดที่เรียกว่า เอาชีวิตเป็นเดิมพัน จึงสามารถแหกที่คุมขังอันซับซ้อนเช่นนั้นได้ ทำเส้นทางสายกลางหรืออริยมรรคให้แจ่มชัดต่อชาวโลก และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทำให้ทุกๆชีวิตได้รู้จักทางรอดจากสังสารวัฏนี้
"จากส่วนหนึ่ง ของรายการธรรมะเพื่อประชาชน โดย พระเทพญาณมหามุนี"