เหตุที่ทำให้ความรู้สูญหายไปจากโลก

วันที่ 28 เมย. พ.ศ.2560

เหตุที่ทำให้ความรู้สูญหายไปจากโลก,บทคามวาไรตี้,บทความประจำวัน

 

เรื่องที่ ๒ เหตุที่ทำให้ความรู้สูญหายไปจากโลก(ช่วงที่ ๔ หลุมพรางสำหรับปัญญาชน)

 

            ก่อนอื่น ผมอยากให้น้องๆ ทราบก่อนว่า คนเรา

               จะมีความรู้ มีความสามารถ มีความคิดสร้างสรรค์

              และมีความประพฤติดีได้ ก็ด้องอาศัย "ครูดี" แต่

   ปรากฏว่า วิชาความรู้ในโลกนี้ได้สูญหาย

  ไปจำนวนมาก เพราะขาดความเคารพครู

 

      ถ้าน้องๆ คนไหนชอบอ่านประวัติศาสตร์ ทั้งประวัติศาสตร์ของชนชาติไทยและประวัติศาสตร์โลก ก็อาจจะเคยมีปัญหาค้างใจว่า ทำไมอาณาจักรต่างๆ ที่เคยรุ่งเรือง มาถึงที่สุดแล้ว แต่ต่อมาภายหลับกลับทรุดลงๆ อะไรเป็นต้นเหตุเรื่องเหล่านี้

      อาจารย์ของผมเคยชี้ประเด็นของเรื่องนี้ให้ดู ท่านยกตัวอย่างว่า

   "ในทางยุโรป ก็เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าอาณาจักรที่รุ่งเรืองมากอย่างยิ่งคือ อาณาจักรกรืก อาณาจักรโรมัน แต่อาณาจักรกรีกก็สลายกลายมาเป็นประเทศเล็กนิดเดียวในขณะนี้ อาณาจักรโรมันก็ไม่มีเหลือกระจัดกระจายกลายเป็นประเทศต่างๆ ในยุโรปหมดแล้ว

 

       ส่วนทางเอเชียของเรา ก็ต้องบอกว่าชนชาติจีน ชนชาติอียิปต์ชนชาติขอม และชนชาติอินเดีย ที่เคยมีความรุ่งเรืองทางด้านจริยธรรมสถาปัตยกรรม รวมทั้งการปกครองมาอย่างมากมาย แต่แล้วอินเดียก็กลับมีสภาพโทรมๆ อย่างปัจจุบัน อียิปต์ก็ถึงกับตกเป็นเมีองขึ้นของเขามาก่อน เช่นเดียวกับประเทศอินเดีย ขอมก็สูญชาติไปแล้ว จีนก็ยํ่าแย่เหมือนกัน ดีแต่ว่ามีพลเมืองมาก ก็เลยยังคงคุณลักษณะเป็นพี่เบิ้มอยู่ได้ แต่วิชาการต่างๆ ได้สูญหายไปมากมายแล้ว

        คนที่จะหาข้อสรุปตรงนี้ไต้ ต้องไม่ทิ้งการสิกษาคำสอนในพระพุทธศาสนา

      เพราะฉะนั้น คุณจงจำไว้ให้ดีนะ ถ้ายุคใดสมัยใดศิษย์ขาดความเคารพครูบาอาจารย์ จะด้วยเนื่องจากเหตุใดก็ตาม วิชาการในโลกจะเสื่อมลงๆ จนหมดไป"

      ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น อาจารย์อธิบายให้ผมฟังต่อไปว่า

     "พวกเราถ้าไม่มาเป็นครู จะไม่เข้าใจห้วอกครู โดยทั่วไปแล้ว ถ้าเจาะจงลงไปเฉพาะ ครูบาอาจารย์ที่แนะดีและนำดี แล้ว ยังสามารถแบ่งครูอาจารย์กลุ่มนื้!ด้อีก ๒ ประเภทใหญ่ๆ ตามความรู้และฐานะคือ

) ครูบาอาจารย์ที่แนะดี นำดี และมีฐานะดี

) ครูบาอาจารย์ที่แนะดี นำดี แต่ฐานะไม่ดี ยังต้องอาศัยเงินเดือนเลี้ยงชีพ

     อาจารย์ทั้ง ๒ ประ๓ทนี้ เวลาท่านสอนหนังสิอให้ลูกคืษย์ ท่านมีความรู้สึกนึกคิดแตกต่างกันอย่างไร

 

      ครูบาอาจารย์ ประเภทที่ ๑ แนะดี นำดี และมีฐานะดี

     ครูบาอาจารย์ประเภทนี้ที่มาสอนลูกคิษย์นั้นไม่ได้เห็นแก่เงินดาวน์เงินเดือนเลย แต่ที่มาสอนให้เพราะสงสารว่าลูกคิษย์จะโง่ไม่มีวิชาติดตัว ไปทำมาหากิน จึงได้ทุ่มเทสละเวลามาสอน

       บางท่านก็เล่าให้ฟังตรงๆ ว่า เงินเดือนที่ท่านได้รับไม่ค่อยพอกับค่านํ้ามันรถ และค่าภาษีสังคม ในฐานะเป็นครูบาอาจารย์เสียด้วยซ้ำ แต่ที่มาสอนอยู่ทุกวันนี้ เพราะสงสารเกรงว่าประเทศชาติบ้านเมืองจะไปไม่รอด เพราะมีแต่เยาวชนโง่ๆ

       ส่วนรายได้ที่เลี้ยงครอบครัวอยู่นั้น ได้อาศัยจากกิจการอื่น เช่นเป็นห้นส่วนทำการค้าบ้าง มีสมบัติเดิมเอาไว้ให้เช่าให้ขายกินบ้าง เพราะฉะนั้นท่านก็ยังยืนหยัดของท่านอยู่ได้ ลำพังเงินเดือนครูแล้วไม่พอใช้เลยอีกอย่างที่อดทนสอนอยู่ได้ เพราะรู้ว่าความรู้ชนิดนั้นๆ ในประเทศไทยมีคนที่รู้อย่างท่านเพียงไม่กี่คน ท่านตั้งใจถ่ายทอดความรู้นั้นไว้ให้คนรุ่นหลังๆ ครูบาอาจารย์ที่มีนั้าใจประเสริฐเช่นนี้มีอยู่ไม่น้อยเหมีอนกัน

    แต่อย่างไรก็ดี มีข้อที่ควรระวังก็คึอ ครูบาอาจารย์ประเภทนี้เมื่อไม่ได้รับการเคารพท่าที่ควรจะเป็น จะหยุดสอน เพราะไม่รู้จะมาง้อสอนไปทำไม จะยึดเป็นอาชีพเลี้ยงตัวก็ไม่ได้ เพราะเห็นอยู่แล้วว่าต้องควักเงินตัวเองออกมาเพื่อท่าการสอน เมื่อหยุดสอนก็เก็บความรู้เอาไว้กับตัวเอง

     แล้วในที่สุด ความรู้ก็ตายกับท่านด้วย แค่ความเคารพของลูกศิษย์ที่หายไปจากใจ ก็ทำให้วิชาการเสื่อมหายไปด้วยประการฉะนี้ เพราะฉะนั้นขอให้พวกเราเข้าใจหัวอกครูบาอาจารย์ด้วย

 

   ครูบาอาจารย์ประเภทที่๒ แนะดี นำดี แต่ฐานะไม่ดี ยังต้องอาศัยเงินเดือนเลี้ยงชีพ

          ครูบาอาจารย์ประเภทนี้มีอยู่จำนวนมาก แล้วหัวอกของท่านเป็นอย่างไรบ้างครูบาอาจารย์ประเภทนี้ เมื่อไม่ได้รับความเคารพเท่าที่ควรจะเป็นท่านจะออมความรู้ไว้ มีความรู้ ๑๐๐ ท่านก็ไม่สอนให้หมดทั้ง ๑๐๐เพราะท่านเห็นลูกศิษย์ไม่มีอาการน้อมรับความรู้ เหมีอนโอ่งนํ้าที่ตั้งเอียงกระเท่เร่ คนตักนํ้ามาใส่ก็ไม่กล้าเทนํ้าหมดถัง เพราะกลัวโอ่งจะควํ่า เสืยนํ้าไปเปล่าๆ ครูบาอาจารย์เหล่านี้ท่านจะสอนแบบเนือยๆ เพราะไม่มีกำลังใจสอน มีความรู้ ๑๐๐ อาจจะสอนแค่ ๕๐ หรือสอนตามหลักสูตรเท่านั้น

         แม้เทคนิคการสอนที่จะพลิกแพลงให้สนุกสนาน น่าเรียน น่าติดตาม ท่านก็ไม่มีอารมณ์ที่จะแสดงเสียแล้ว ยิ่งความรู้ใหม่ๆ ที่ท่านค้นคว้ามาได้เองนอกหลักสูตร ท่านก็ไม่อยากที่จะสอนให้ เพราะขนาดยังรู้ไม่เท่าท่านยังไม่เคารพเลย นี่ถ้ารู้เท่าท่านมิเหยียบท่านคอหักตายหรือเพราะฉะนั้น ท่านก็สอนแบบหย่อนๆ ไม่เต็มมือ

         เมื่อเป็นอย่างนี้ ลูกศิษย์ทั้งชั้นก็เลยได้รับความรู้จากท่านมาเพียงครึ่งๆ ส่วนที่จำเอาไวไปใชั้!ด้ก็ยิ่งน้อยกว่านั้นลงไปอีก ถึงคราวตัวเองไปเป็นครูบาอาจารย์บ้าง กงเกวียนกำเกวียนก็มาแทนที่ ลูกศิษย์ลูกหาก็ไม่เคารพตัวเองเหมือนกัน เพราะตัวไม่เคารพครู จึงถ่ายทอดความรู้ความน่าเคารพไปจากท่านไม่ได้

         เพราะฉะนั้น ตัวเองก็ไม่มีกำลังใจที่จะสอนให้เต็มที่อีก ผ่านไปอย่างนี้ไม่กี่ชั่วคนหรอก ความรู้ทางด้านวิชาการก็อันตรธานหายไป มีแต่คนโง่เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด

            เพราะฉะนั้น คำตอบที่อาจารย์ได้จากการค้นคว้าประวัติศาสตร์ก็ดี จากประสบการณ์ทั้งในและนอกประเทศก็ดี ก็เลยได้ข้อสรุปว่า ความเคารพนั่นแหละเป็นต้นทางของวิชาความรู้ทั้งหลาย ขาดความเคารพเมื่อไรเมื่อนั้นความรู้จะค่อยๆอันตรธานไปแล้วความโง่ก็จะคลุมบ้านคลุมเมือง"

               ทั้งหมดนี้ ก็เป็นข้อคิดที่ผมได้มาจากอาจารย์ที่เคารพรัก น้องๆอ่านแล้ว อย่าดื้อกับอาจารย์นะครับ

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.024540531635284 Mins