หลักการสรรเสริญพระคุณของคุณยาย
โดย พระมหาวีระชัย วีรชโย
"เพียงการประกาศคุณของคุณยายด้วยวาจา
ก็ยังไม่นับว่าถึงความบริบูรณ์พร้อม
จะให้ดีที่สุดต้องประกาศคุณด้วยการประพฤติปฏิบัติ
ตามคำสอนของคุณยาย"
พระมหาวีระชัย วีรชโย
อายุ ๓๒ ปี พรรษา ๑๑
เข้าวัด เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๗
การศึกษาทางโลก ปริญญาตรี วิศวกรรมปิโตรเลียม
คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
การศึกษาทางธรรม นักธรรมเอก เปรียญธรรม ๓ ประโยค
งานพระศาสนา ดูแล และรับผิดชอบการฝึกอบรมบุคลากร
ธรรมดาของขุนเขาบรรพตอันยิ่งใหญ่ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไร ก็จะยิ่งรู้สึกถึงความทะมึนสูงใหญ่ของขุนเขามากขึ้นเท่านั้น แต่จะได้ประจักษ์อย่างแท้จริงว่าขุนเขานั้นยิ่งใหญ่ไพศาลเพียงใด ต่อเมื่อเราได้ขึ้นไปยืนอยู่บนยอดเขาสูงเสียดฟ้านั่นแหละ
ท้องทะเลมหาสมุทรก็เช่นเดียวกัน เราจะรู้ซึ้งถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของมัน ต่อเมื่อได้ไปอยู่ท่ามกลางความเวิ้งว้างสุดสายตาของท้องทะเลมหาสมุทรนั้น
คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ก็เป็นเช่นขุนเขาและท้องทะเลมหาสมุทรนั้น ใครที่ยิ่งใกล้ชิดท่าน ได้รู้จักท่านมากเท่าไร ก็จะยิ่งประจักษ์แจ้งและอัศจรรย์ใจใน คุณอันหาประมาณมิได้ของท่านมากขึ้นเท่านั้นทำให้ยิ่งรักยิ่งเคารพ และยิ่งซาบซึ้งในพระคุณของท่านที่มีต่อพวกเราและชาวโลกมากขึ้นเป็นลำดับ
การประกาศคุณ...สิ่งที่ผู้เป็นศิษย์พึงกระทำ
เมื่อคุณยายอาจารย์มีพระคุณมากมายอย่างนี้สิ่งหนึ่งที่เราผู้เป็นศิษย์พึงกระทำตอบแทนพระคุณท่าน คือ การประกาศพระคุณของท่านให้ปรากฏต่อชาวโลก แต่เนื่องด้วยคุณยายเป็นบุคคลที่มีคุณวิเศษ และมีพระคุณอย่างจะนับจะประมาณมิได้ หากจะต้องกล่าวถึงพระคุณของท่านด้วยเวลาน้อยนิดเพียง ๕-๑๐ นาที ให้ได้อย่างครบถ้วนทั้งได้สาระและซาบซึ้งด้วย จึงเป็นเรื่องลำบากเหลือจะกล่าวทีเดียว
ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องมี หลักในการสรรเสริญพระคุณของท่าน ซึ่งจะทำให้มั่นใจว่า แม้มีเวลาน้อยก็พูดได้ครบถ้วน ยิ่งมีเวลามาก ก็ยิ่งขยายความได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปตามลำดับ
หลัก ๙ ประการในการสรรเสริญพระคุณ
หลักธรรมที่จะใช้เป็นแม่บทในการกล่าวสรรเสริญพระคุณของผู้ใดในโลกนี้ ไม่มีหลักใดเกินกว่าบทสรรเสริญพระพุทธคุณ ๙ ประการที่ชาวพุทธท่องบ่นอยู่เป็นประจำว่า
"อรหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจรณสัมปันโน สุคโต โลกวิทู อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ สัตถา เทวมนุสสานัง พุทโธ ภควา(ติ)"
ด้วยเหตุว่า พระพุทธคุณทั้ง ๙ ประการนี้ คือคุณสมบัติที่สมบูรณ์สูงสุด เท่าที่มนุษย์จะพึงฝึกฝนขึ้นมาได้ส่วนคุณยายและเราท่านทั้งหลายก็เป็นนักสร้างบารมีที่กำลังฝึกฝนอบรมตนเองตามรอยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดำเนินไป แม้ คุณธรรมจะยังห่างไกลจากพระองค์ แต่เมื่อได้อาศัยพระพุทธคุณทั้ง ๙ ประการนี้ เป็นเครื่องส่องนำทาง ก็ย่อมจะไม่ผิดไป จากหนทางแห่งอริยมรรคอย่างแน่นอน ดังนี้คือ
ประการแรก อรหัง ในภาษาไทยใช้ว่า อรหันต์ แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส เพราะตัดกิเลส อาสวะได้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษแล้ว ใจสะอาดบริสุทธิ์ จนกิเลส ไม่สามารถควบคุมบังคับ ได้อีกต่อไป
คุณยายแม้ยังไม่สามารถตัดกิเลส ได้สิ้นเชิงเหมือน อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ท่านก็ปฏิบัติธรรมได้ดีเยี่ยมกลั่นใจให้สะอาด บริสุทธิ์ จนสามารถไปถึงพระนิพพานได้ ดินแดนที่สะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีที่ใดเกินอายตนนิพพาน แสดงว่าใจของคุณยายขณะนั้นต้องสะอาดบริสุทธิ์เสมอด้วยพระนิพพาน อายตนนิพพานจึงดึงดูดไปอยู่ตรงนั้นได้
ประการที่ ๒ สัมมาสัมพุทโธ แปลว่า ตรัสรู้ชอบได้ ด้วยพระองค์เอง โดยไม่ต้องมีครูมาสอนสั่ง แม้คุณยายยังไม่สามารถตรัสรู้ได้อย่างพระพุทธองค์ ยังต้องอาศัยครูบาอาจารย์ คือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญแต่ท่านก็มีสติปัญญาเป็นยอดสามารถตักเตือนสอนตนเอง ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องมาแต่เล็กแต่น้อย ตั้งแต่สอนตัวเองให้มาตามหาหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เพื่อเรียนวิชชาธรรมกาย ไปช่วยพ่อจากนรก หรือเมื่อได้ยินหลวงพ่อวัดปากน้ำตำหนิคน อื่นว่า "ไอ้ขี้ไต้"ท่านก็สอนตนเองได้ว่า ต้องตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด อย่าให้ครูบาอาจารย์ต้องมาตามว่ากล่าวเช่นนั้นเลย
ประการที่ ๓ วิชชาจรณสัมปันโน แปลว่า สมบูรณ์พร้อมด้วยวิชชาและจรณะ คุณยายได้เรียนวิชชาธรรมกาย จากหลวงพ่อวัดปากน้ำ จนสามารถทำคุณวิเศษบางประการให้เกิดขึ้นได้ ดังที่หลายท่านได้เคยประสบมาว่า ถูกคุณยายทักสิ่งที่กำลังคิดอยู่ในใจ นั่นเรียกว่าคุณยายมี เจโตปริยญาณสามารถรู้ใจผู้อื่นได้
นอกจากนั้น เรื่องหูทิพย์ ตาทิพย์ ระลึกชาติได้ ไปนรกสวรรค์ได้ของคุณยายก็ได้รับการกล่าวขานยืนยันจากผู้ที่พบเห็นด้วยตนเองมากมาย
ส่วนจรณะ คือความประพฤติของท่านก็เป็นต้นแบบอันยอดเยี่ยมให้พวกเรานับแสนนับล้าน ได้ยึดถือฝึกตัวตามท่านมาจนถึงทุกวันนี้
ประการที่ ๔ สุคโต แปลว่า เสด็จไปดีแล้ว คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อครั้งยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ เมื่อเสด็จไป ถึงที่ไหนก็ทรงนำสิริมงคล ความเจริญรุ่งเรืองไปถึงที่นั่น แม้เมื่อพระองค์เสด็จดับขันปรินิพพาน ก็เสด็จไปดี คือทรงทิ้งกายหยาบไว้ในโลกนี้ แต่ธรรมกายของพระองค์เสด็จไปสู่อายตนนิพพาน
คุณยายเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ก็สามารถไปดีตามรอยของพระพุทธองค์คือสามารถไปสวรรค์ ไปนิพพานได้ด้วยธรรมกาย เมื่อท่านเดินทางไปถึงไหน ก็เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรอัน ร่มเย็นให้ลูกศิษย์ได้พึ่งพิงตลอดมา และบัดนี้คุณยายก็ได้ไปดีแล้ว โดยทิ้งสังขารหยาบไว้ในเรือนทองเบื้องหน้าพวกเรา แล้วไปบังเกิดใหม่ในสุคติโลกสวรรค์
ประการที่ ๕ โลกวิทู แปลว่า รู้แจ้งโลก จากพระพุทธคุณข้อนี้ ก็เป็นหลักให้เราเห็นคุณของคุณยายว่าท่านได้ฝึกสมาธิ จนมีใจที่ใสสว่างยิ่งกว่าพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันนับ อสงไขยดวงไม่ถ้วน จนสามารถเห็นความเป็นไปของโลกทั้งหลายได้ด้วยตาธรรมกาย
เห็นตั้งแต่สังขารโลก คือ กายมนุษย์หยาบ จนไปถึงธรรมกายที่ซ้อนอยู่ภายใน อีกทั้งเห็นสัตวโลก คือหมู่สัตว์ทั้งหลายทั้งมนุษย์ เทวดา มาร พรหม และอรูปพรหม อีกทั้งเห็นโอกาสโลก คือ ภพทั้งหลายทั้งนรก สวรรค์ พรหมโลกท่านก็เห็นอย่างแจ่มชัดด้วยอำนาจของใจที่ สว่างไสวอย่างไม่มีประมาณ
ประการที่ ๖ อนุตตโร ปุริสทัมมสารถิ แปลว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นยอดนักฝึกคนที่ไม่มีผู้ใดยิ่งกว่าทรงสามารถฝึกทั้งผู้ที่มีสติปัญญามาก ปานกลาง หรือน้อยทั้งมนุษย์ เทวดา และพรหม ให้บรรลุธรรมตามพระองค์ไปได้โดยง่าย
จากประการนี้จะเห็นว่าคุณยายก็เป็นยอดนักฝึกคนที่ หาได้ยากในยุคปัจจุบัน หากจะกล่าวรายละเอียดถึงกุศโลบายในการฝึกคนของท่านก็จะยืดยาว เพียงดูผลงานการฝึกคน ของท่านคือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสองของพวกเรา(หลวงพ่อธัมมชโย และหลวงพ่อทัตตชีโว) ก็พอจะยืนยันถึงความเป็นเยี่ยมในการฝึกคนของคุณยายได้
ประการที่ ๗ สัตถา เทวมนุสสานัง แปลว่า พระพุทธองค์ทรงเป็นครูของทั้งมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย คือ ทรงเป็นที่พึ่งของทั้งมนุษย์และเทวดา พาให้ข้ามพ้นจากกองทุกข์ ไปสู่ฝังพระนิพพานได้
คุณยายก็ฝึกตนด้วยธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจนสามารถเป็นที่พึ่งอันยิ่งใหญ่ให้แก่ลูกหลานทั้งหลาย คือ
ท่านได้ช่วยปิดนรก เปิด สวรรค์ และถางหนทางไปพระนิพพานให้แก่พวกเรา อีกทั้งยังสร้างวัด จัดหาปัจจัย ๔ มาสนับสนุนให้พวกเราได้ทำความดีอย่างสะดวกสบายด้วย ใครมีทุกข์ร้อนใดๆ มาหาคุณยายท่านก็ใช้วิชชาธรรมกายช่วยแก้ไข ปัดเป่าทุกข์เหล่านั้นให้ทุกครั้งไป
ประการที่ ๘ พุทโธ แปลว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว เพราะพระพุทธองค์ทรงรู้แจ้ง เห็นแจ้งโลกและชีวิตตามความเป็นจริง
ส่วนคุณยายนั้นเมื่อได้มาเรียนวิชชาธรรมกาย ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็ได้รู้เห็นโลกและชีวิตตามความเป็นจริงด้วยตาธรรมกาย และญาณของธรรมกายที่ท่านเข้าถึง ได้ชื่อว่า ตื่นจากอวิชชาที่เคยปิดบังท่านอยู่ และยังคอยลุกให้พวกเราตื่นจากความหลับไหลจากอำนาจกิเลส ตามท่านไปอีกด้วย
ประการที่ ๙ ภควา แปลว่า ผู้จำแนกธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นสัพพัญญู แทงตลอดในธรรมทั้งหลายจึงทรงจำแนกแยกแยะธรรมะได้อย่างละเอียดลออ เพื่อให้สาวก ได้เลือกนำไปปฏิบัติอย่างพอเหมาะกับ สติปัญญาของตนๆ
คุณยายเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่เรียนรู้วิชชาธรรมกายได้อย่างดีเยี่ยม จนได้รับการยกย่องจากหลวง พ่อวัดปากน้ำว่า "เป็นหนึ่งไม่มีสอง" และความรู้ของคุณยาย เป็นความรู้แบบครูบาอาจารย์ คือไม่ใช่รู้เพียงเอาตัวรอดได้เท่านั้น แต่รู้อย่างที่สามารถจะนำมาสอนสั่งแก่ผู้อื่นได้
คุณยายสอนได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่เรื่องวิชชาธรรมกายจนถึงวิชชาในโรงครัว และแม้แต่วิชชาเทศน์สอนคุณยายก็ยังแนะนำแก่พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโวได้ นี่คือ คุณยายผู้แตกฉานในธรรมะของพวกเรา
ย่นย่อเหลือ ๓ ประการ
ทั้งหมดนี้คือ หลัก ๙ ประการในการสรรเสริญพระคุณ ของคุณยายที่มีบทสรรเสริญพระพุทธคุณ เป็นแม่บท แต่หากยังเห็นว่ายาวเกินไป ก็สามารถย่นย่อใช้หลักการสรรเสริญ พระพุทธคุณ ๓ ประการ คือ
๑. พระบริสุทธิคุณ
๒. พระปัญญาธิคุณ
๓. พระกรุณาธิคุณ
ประการแรก ความบริสุทธิ์ของคุณยาย แสดงให้เห็นตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าอาภรณ์ และเสนาสนะของท่านที่สะอาดหมดจด เป็นระเบียบเรียบร้อย สมกับจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ของนักปฏิบัติธรรม แม้แต่บุคคลที่ได้ใกล้ชิดคุณยายก็พลอยได้เชื้อแห่งความบริสุทธิ์ไปด้วย เพราะท่านสะอาดบริสุทธิ์จนใครที่อยู่ใกล้ท่านไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงสิ่งที่ไม่ดี
ประการที่สอง สติปัญญาของคุณยายนั้นเป็นปัญญาที่แท้จริง แม้ท่านจะอ่านหนังสือไม่ออก แต่ก็มีปัญญาที่จะปิดนรก เปิด สวรรค์ และถางหนทางไปพระนิพพานให้ตนเองได้สำเร็จ และยังสามารถช่วยปิดนรก เปิด สวรรค์ และถางทางไปพระนิพพานให้กับลูกหลานอีกนับแสนนับล้านได้อีกด้วย
ประการสุดท้าย ความกรุณาของคุณยายที่มีต่อพวกเรานั้นมากมายจนสุดจะพรรณนาได้ เมื่อหลวงพ่อวัดปากน้ำมรณภาพ ลำพังตัวคุณยายเองก็สามารถเอาตัวรอดและมีความสุขกับการปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว แต่ท่านยังมีมหากรุณายอมลำบากตรากตรำ อดทนพร่ำสอนพวกเราด้วยความเหนื่อยยากแล้ว อีกทั้งยังมาสร้างวัดสร้าง สถานที่ปฏิบัติธรรมและหาข้าวปลาอาหาร ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้พวกเราได้สร้างบารมีอีกด้วยทำให้เราสามารถสร้างความดีได้อย่างมั่นคงมาจนทุกวันนี้
พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย กล่าวไว้ว่า "ถ้าไม่มีคุณยาย ก็ไม่มีหลวงพ่อ ไม่มีวัดพระธรรมกาย และก็คงไม่มีพวกเราเช่นในวันนี้"
นี้คือหลักที่เราสามารถนำมาใช้กล่าว สรรเสริญพระคุณของคุณยาย ให้สมกับคุณธรรมความดีอันยิ่งใหญ่ไพศาลของท่าน เมื่อมีหลักเช่นนี้แล้ว เราจะเป็นลูกหลานที่มั่นใจในการกล่าว สรรเสริญพระคุณของคุณยาย ให้ชาวโลกได้รู้ว่าท่านมีคุณอันยิ่งใหญ่สุดประมาณเพียงใด
แม้กระนั้น เพียงการประกาศคุณของคุณยายด้วยวาจา ก็ยังไม่นับว่าถึงความบริบูรณ์พร้อม จะให้ดีที่สุดต้องประกาศคุณด้วยการประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของคุณยายด้วย คือ ตั้งใจทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนากลั่นใจให้ผ่องใสตามท่านไป
เมื่อทำได้เช่นนี้ เราไปถึงไหน แม้ยังไม่ได้พูดสักคำแต่เขาเห็นเพียงหน้าตาที่ผ่องใสกิริยาอาการที่สงบสำรวม มีความประพฤติดีพร้อมทั้งกาย วาจา ใจ เขาก็จะมองย้อน กลับมาชื่นชมครูบาอาจารย์ คือ คุณยายของเราในที่สุด
หากทุกท่านทำได้เช่นนี้ เราจะเป็นสุดยอดของลูกหลานยาย เราจะไม่ใช่เพียงลูกหลานที่อยู่ใกล้คุณยายเท่านั้น แต่เราจะเป็นลูกหลานที่อยู่ในกลางใจคุณยายตลอดไป