คงอยู่ในใจ...มิรู้ลืม
โดย พระประเสริฐกิจ สุเมโธ
คุณยายท่านพนมมือแล้วพูดว่า
"เณรอย่าดื้อนะ
เดี๋ยวพระอาจารย์ท่านเฆี่ยนเอา"
พระประเสริฐกิจ สุเมโธ
อายุ ๒๗ ปี พรรษา ๕
เข้าวัด เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๙
การศึกษาทางโลก บริหารธุรกิจบัณฑิต (การตลาด) สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล
บริหารธุรกิจบัณฑิต (การจัดการ) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
การศึกษาทางธรรม นักธรรมเอก,ประโยค ๑-๒
งานพระศาสนา พระพี่เลี้ยงสามเณร
เข้าวัดครั้งแรก
วันขึ้นปีใหม่ของปีพุทธศักราช ๒๕๒๙ เป็นวันแรกที่อาตมาได้มาที่วัดพระธรรมกาย ครั้งนั้นยังเรียนหนังสืออยู่ในระดับมัธยมต้น เมื่อมาถึงวัดครั้งแรกเกิดความประทับใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะวัดนี้แลก และแตกต่างจากวัดอื่นที่เราได้เคยพบเห็นมา คือ มีคนมาวัดมากมาย แต่กลับมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และมีพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์น่าเลื่อมใสมาก โดยเฉพาะสิ่งที่สะดุดใจเป็นพิเศษ ก็คือความสะอาดของวัด มองไปทางไหนก็ให้รู้สึกสบายตาสบายใจไปหมด
เพราะเหตุที่อาตมาเข้าวัดมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก (ประมาณ ๑๒ ขวบ) จึงได้เห็นคุณยายอยู่บ่อยๆ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร รู้แต่เพียงว่าท่านเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อธัมมชโยเจ้าอาวาส ต่อเมื่อเข้าวัดหลายปีจึงได้ทราบถึงคุณธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ที่ท่านได้ช่วยเหลือลูกๆ หลานๆ ที่มาขอบารมีในยามทุกข์ร้อน โดยทราบจากหนังสือบ้างคำบอกเล่าของผู้ที่เข้าวัดมานานบ้าง
แม้สังขารจะแปรเปลี่ยน แต่คุณยายยังรักบุญเหมือนเดิม
ในปีพุทธศักราช ๒๕๓๙ เมื่ออาตมาจบการศึกษาแล้ว ได้ตัดสินใจอบรมธรรมทายาทรุ่นที่ ๒๔ และได้บวชต่อเรื่อยมาขณะที่บวชอยู่นั้นช่วงเช้าจะออกบิณฑบาตไปตามเส้นทางสายต่างๆ บริเวณรอบๆ วัด โดยจะสลับกันออกบิณฑบาตเนื่องจากว่าพระภิกษุของวัดเรามีมาก ไม่สามารถออกบิณฑบาตพร้อมๆ กันได้ พระภิกษุรูปที่ไม่ได้บิณฑบาต ก็จะสวดมนต์และปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัด
ประมาณเดือนกันยายนของปีนั้น ขณะที่อาตมาและพระเพื่อนออกบิณฑบาตอยู่ตามปกติ ได้เห็นคุณยายออกมาเตรียมจะใส่บาตร ที่บริเวณหน้ากุฏิที่พักของท่าน อาตมาและพระเพื่อนทุกๆ รูป ต่างดีใจกันมาก เพราะจะได้มีโอกาสรับบาตรจากคุณยาย
อาตมาคิดในใจว่า "คุณยายท่านอายุมากทั้งสุขภาพก็ยังไม่ค่อยแข็งแรง แต่คุณยายก็ยังรักบุญมาก ออกมาใส่บาตรพระในยามเช้า ดีจังเลย" พระภิกษุทุกรูปตั้งใจรับบาตรกันด้วยความปีติยินดียิ่ง
เมื่อรับบาตรจากคุณยายเรียบร้อยแล้ว กลับไปที่บริเวณฉันภัตตาหารเช้า ก็ได้นำภัตตาหารที่คุณยายใส่บาตรมาแบ่งให้พระเพื่อนที่ไม่ได้ไปบิณฑบาตฉันกันอย่างทั่วถึงพระทุกรูปต่างดีใจที่ได้ฉันภัตตาหารใส่บาตรของคุณยาย ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกมาก เพราะโดยปกติผู้ให้จะยินดีและปีติใจที่ได้ ถวายบิณฑบาตแด่พระภิกษุ แต่ครั้งนี้ผู้รับคือพระภิกษุกลับดีใจและเป็นสุขใจที่ได้รับการถวายภัตตาหารจากคุณยายคงเป็นเพราะคุณยายมีคุณธรรมมาก และเป็นผู้มีพระคุณกับพวกเราทุกๆ คน จึงทำให้พระภิกษุทุกรูปล้วนสุขใจเมื่อได้รับอาหารบิณฑบาตจากท่าน
หลังจากวันนั้นมา คุณยายก็ออกมาใส่บาตรอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน ในช่วงนั้นพระภิกษุต่างจองคิวรอรับบุญออกบิณฑบาตกันอย่างล้นหลามทำให้พระที่จัดบุญออกบิณฑบาตต้องแบ่งบุญให้ทั่วถึงกันเลยทีเดียว
ของขวัญของคุณยาย
ทุกๆ วันปีใหม่ และวันคล้ายวันเกิดของท่าน คุณยายจะมีของขวัญของที่ระลึกมาถวายพระภิกษุสามเณรเสมอๆเป็นปัจจัยบ้าง ดวงแก้วบ้าง ล็อคเก็ตของท่านบ้าง นำความปลื้มใจมาให้แก่พระภิกษุสามเณรตลอดมา
ของขวัญของคุณยายแต่ละชิ้นมีคุณค่าต่อจิตใจของพระภิกษุสามเณรเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังก่อให้เกิดบุญต่อบุญได้อีกด้วย คือถ้าเป็นปัจจัย อาตมาก็นำไปทำบุญต่อ ดวงแก้วก็นำมาเป็นนิมิตในการปฏิบัติธรรมทำให้ธรรมะดียิ่งๆ ขึ้นไปและนำมาสอนสมาธิสาธุชนในโอกาสต่างๆ
คุณยายยอดนักให้กำลังใจ
คุณยายเป็นยอดนักให้กำลังใจท่านจะคอยให้กำลังใจ แก่พระภิกษุสามเณรเสมอๆ ในช่วงที่อาตมามาทำหน้าที่เป็นพระพี่เลี้ยงสามเณร คุณยายจะให้อุปัฏฐากนำช็อกโกแลตปานะ หนังสือ สมุด ฯลฯ มาถวายสามเณรบ่อยๆ ทราบจากอุปัฏฐากว่า เมื่อมีญาติโยมนำขนมปานะหรือข้าวของต่างๆ มาถวายท่านท่านก็จะนึกถึงสามเณร ให้อุปัฏฐากนำมาถวายสามเณรเสมอท่านอยากได้บุญกับสามเณร
ในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่นในวันสามเณร (วันเด็ก)ท่านก็จะฝากของขวัญทั้งของที่ระลึก สมุด หนังสือ ปากกา มาถวายให้สามเณรจับฉลากกันสามเณรรูปใดที่จับฉลากได้ของขวัญจากคุณยาย ดูจะดีใจเป็นพิเศษ
ทุกๆ ปีในช่วงที่สามเณรจะสอบบาลีสนามหลวง คุณยายจะถวายปากกาให้สามเณรทุกรูป และฝากมาบอกว่า ยายอธิษฐานให้ทุกๆ รูป สอบได้ เป็นกำลังใจและยังความดีใจให้แก่สามเณรเป็นอย่างยิ่ง
ศิลปะการแนะนำของคุณยาย
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ในวันคล้ายวันเกิดของท่าน ปีพุทธศักราช ๒๕๔๑ คุณยายถวายปัจจัยให้กับพระภิกษุสามเณรที่ศาลาจาตุมหาราชิกาท่านมาถวายเองกับมือของท่าน หลังจากถวายปัจจัยเสร็จแล้ว พี่อารีพันธุ์อุปัฏฐากของท่านก็บอกว่า คุณยายมีอะไรจะพูดทุกคนต่างรอฟังกันอย่างใจจดจ่อ
คุณยายท่านพนมมือแล้วพูดว่า "เณรอย่าดื้อนะ เดี๋ยวพระอาจารย์ท่านเฆี่ยนเอา" ยายกล่าวถึง ๓ ครั้ง พระภิกษุต่างพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ที่คุณยายเป็นห่วงเอ็นดูสามเณร แต่อาตมารู้สึกว่าท่านบอกทั้งสามเณรและ
พระภิกษุเป็นนัยว่า "อย่าดื้อนะ ให้อยู่ในพระธรรมวินัยนะ" ทำให้อาตมารู้สึกว่าคุณยายมีศิลปะการพูดการแนะนำ ที่ฟังแล้วทำให้ได้คิดและน่าปฏิบัติตามไปด้วย
ภาพความทรงจำที่ดีในครั้งก่อน ยังคงอยู่ในใจของอาตมามิรู้ลืม และจะจดจำคุณยายผู้เป็นครูบาอาจารย์ของอาตมาตลอดไป