พระคุณของคุณยาย
โดย กัลพวง กัลเรณู โชคอนันต์ตระกูล
"ทำบุญอย่าให้เดือดร้อนนะ
ค่อยๆทำทีละนิด บุญจะเพิ่มเป็นภูเขา"
กัลพวง โชคอนันต์ตระกูล
อายุ ๗๐ ปี
กัลฯเรณู โชคอนันต์ตระกูล
อายุ ๗๐ ปี
เข้าวัด เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๑
อาชีพ ธุรกิจส่วนตัว – บริษัทส่งสินค้าออกต่างประเทศ
งานสร้างบารมีทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตร และผู้นำบุญ
เราทั้งสองไปวัดครั้งแรก เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๑ ตอนนั้นเห็นโบสถ์กำลังก่อสร้างอยู่ รู้สึกชอบใจเพราะรูปแบบเรียบง่าย ดูสวยงาม ต้นไม้ก็ร่มรื่นเขียวอุ่มไปหมดช่วงนั้น เป็นช่วงที่เรากำลังเสาะแสวงหาวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ยิ่งทราบว่าวัดนี้มีการสอนนั่งสมาธิด้วย และยิ่งได้เห็นกฎระเบียบ ๑๐ ข้อ ของคุณยายที่วางไว้ให้พระและคนที่มาวัดปฏิบัติตามนั้น อ่านแล้วรู้สึกชอบใจ ยิ่งมั่นใจว่าน่าจะเป็นวัดนี้แหละที่กำลังแสวงหาอยู่ หลังจากนั้นเราก็มาวัดกันบ่อยขึ้น
วันหนึ่งมีโอกาสได้ไปกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว และคุณยายอาจารย์ ซึ่งอยู่พร้อมหน้ากันทั้ง ๓ ท่าน ได้ถามปัญหาต่างๆ เพื่อให้เข้าใจว่า "คนเราเกิดมาต้องการอะไร"
เมื่อได้รับคำตอบจากครูบาอาจารย์ ที่อธิบายอย่างแจ่มแจ้ง จึงเข้าใจชัดเจนและเลื่อมใสมากยิ่งขึ้น และได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพสร้างเสาสีมาของโบสถ์ทั้ง ๘ ต้น ครั้งนั้นนับเป็น จุดเริ่มต้นของการทำบุญใหญ่ของเราทั้งสอง
หลังจากนั้นได้มากราบคุณยายบ่อยๆท่านเมตตานำนั่งสมาธิ เรามีโอกาสรับฟังคำสอนจากท่านโดยตรงท่านเตือนว่า "ทำบุญอย่าให้เดือดร้อนนะ ค่อยๆทำทีละนิด บุญจะเพิ่มเป็นภูเขา" และยังสอนอีกว่า "การทำบุญควรจะร่วมกันทำ"
เราทั้งสองได้มีโอกาสร่วมสร้างอาคารดุสิต อาคารนิมมานรดี อาคารปุโรหิตา (อาคารสองชั้น) และถวายบ้านพร้อมที่ดินบริเวณติดโรงครัวด้วย (ปัจจุบันใช้เป็นที่พักของเจ้าหน้าที่ในวัด)
ปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ ได้ถวายปัจจัย ซื้อที่ดิน ๑๐๐ ไร่ ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของที่ตั้งมหาธรรมกายเจดีย์ มีโอกาสถวายทองคำหนัก ๑๐ กิโลกรัม เพื่อร่วมหล่อรูปเหมือนพระมงคลเทพมุนี ( สด จนฺทสโร) หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญและเมื่อคุณยายได้รับความเมตตาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ให้เป็นประธานใหญ่ทอดกฐินและทอดผ้าป่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๑ เราทั้งสองก็ได้มีโอกาสร่วมทำบุญใหญ่ เป็นประธานรองทอดกฐินและทอดผ้าป่าร่วมกับคุณยายมาโดยตลอด
ช่วงนั้นทำบุญบ่อยจนคุณยายจำชื่อเราทั้งสองได้แม่นไปกราบคุณยายครั้งใด ก็จะได้รับพรจากท่านทุกครั้งท่านเตือนให้ทำความดีสม่ำเสมอ และเมตตาบอกอีกว่า "คุณพวง อายุ ๖๐ ปีแล้วนะ จะทำอะไรสู้หนุ่มๆ ไม่ได้แล้วนะ" เท่ากับเป็นการบอกให้ทราบเป็นนัยๆ ว่า ให้ค่อยๆ หยุดธุรกิจ เพื่อจะได้มีเวลามาทำบุญทำกุศล และปฏิบัติธรรมมากขึ้น
คุณยายเป็นคนคุยสนุก จะเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังเสมอและยังเล่าเรื่องปัดลูกระเบิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ให้เราฟังด้วยความภาคภูมิใจ ปลื้มใจอยู่บ่อยๆ
ครั้งหนึ่งคุณยายบอกบุญเราทั้งสอง เพื่อให้ร่วมสร้างประตูใหญ่หน้าวัดเป็นประตูสเตนเลสส์ เรารีบรับบุญทันทีคุณยายพูดว่า "ดีนะ ที่เราสร้างประตูกันกิเลส ขนาดสถาปนิกฝรั่งยังชมว่า สวย" ทำให้เราทั้งสองปลื้มใจมาก
หลังจากนั้น เมื่อใดก็ตามที่เราพบคุณยายท่านจะพูดถึงเรื่องนี้ทุกครั้ง เป็นการเตือนให้เราตามระลึกถึงบุญที่ได้ทำตลอดเวลา
ครั้งหนึ่งเมื่อธุรกิจของเราประสบปัญหาหนักมากสถานการณ์ตอนนั้นเราไม่มีหนทางที่จะแก้ไขได้ จึงนำเรื่องไปกราบเรียนปรึกษาคุณยาย น่าอัศจรรย์ใจที่คุณยายตอบแบบฟันธงเลยว่า "ไม่ต้องกลัว ยายจะช่วยเอง" และปรากฏว่าเราสามารถเอาชนะอุปสรรคครั้งนั้นได้อย่างไม่คาดฝั
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าอัศจรรย์ใจคือ ก่อนถึงวันไหว้บรรพบุรุษ มักจะฝันเห็นบรรพบุรุษทำให้จิตใจว้าวุ่น ไม่สบายใจพอไปเล่าให้คุณยายฟัง พร้อมกับนำรูปภาพ วันเดือนปีที่มรณะของบรรพบุรุษไปให้ท่านดู คุณยายรับปากว่าจะช่วยนับแต่วันนั้นก็ไม่เคยฝันถึงบรรพบุรุษอีกเลย
บ่อยครั้ง หากคุณยายพอจะมีเวลาท่านจะเล่าเรื่องธรรมะละเอียดๆ ให้ฟังเป็นการเตือนให้ระวังว่า เรื่องเวรกรรมมีจริง เช่น คนทำบาปอย่างไร ตายไปแล้วจะไปรับกรรมอะไร จะไปเป็นสัตว์อะไรในอบายภูมิ คุณยายเล่าสนุกแต่จริงจังทำให้พวกเราฟังแล้วได้ข้อคิด และนึกถึงแต่เรื่องบุญมากขึ้น
คุณยายพูดเสมอว่า วันนี้ต้องทำให้ดีที่สุดชาตินี้ต้อง ทำให้ดีที่สุด ตายไปแล้วเอาอะไรไปไม่ได้ เอาไปได้แต่บุญกับบาป
ขอกราบคุณยายด้วยความเคารพรัก และขอรำลึกถึงคุณความดีของคุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้เป็นต้นแบบแห่งการสร้างบารมีทำให้เราได้รู้จักเร่งสร้างบุญบารมีในชาตินี้ก่อนที่จะสายเกินไป