สาระสำคัญจากการศึกษาจักรวาลวิทยา
การแบ่งยุคในการอธิบายเรื่องโลก และจักรวาล
มนุษย์เกิดขึ้นมาพร้อมกับความไม่รู้ ที่ห่อหุ้มอยู่ในจิตใจ มนุษย์ทุกยุคทุกสมัยพยายามแสวงหา ความรู้ในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ให้กับตัวเอง เรื่องการกำเนิดของโลกและจักรวาล นับว่าเป็นเรื่อง น่าสนใจเรื่องหนึ่ง ที่มีผู้พยายามอธิบายปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นของโลกและจักรวาลในลักษณะที่แตกต่างกันไป
สำหรับเนื้อหาในส่วนนี้จะนำเสนอ ยุคในการอธิบายเรื่องโลกและจักรวาล ที่มีนักปรัชญาได้จัดแบ่งไว้เพื่อให้ทราบว่า มีการจัดแบ่งยุคกันอย่างไร และพระพุทธศาสนาจัดอยู่ในยุคใด นักปรัชญาชาวฝรั่งเศสชื่อ ออกุสต์ กองต์ บิดาแห่งวิชาสังคมวิทยา ได้แบ่งช่วงพัฒนาการของคำอธิบายปรากฏการณ์ของโลกและจักรวาลออกเป็น 3 ยุค คือ
1. ยุคเทววิทยา เป็นยุคแรกที่นักศาสนา อธิบายการกำเนิดปรากฏการณ์ ของโลกและมนุษย์โดยเน้นว่า พระเจ้าเป็นผู้สร้างโลก คำสอนศาสนาเหล่านี้ มีอิทธิพลมากในยุคนี้ ดังเช่นศาสนาพราหมณ์ในสมัยของพระพุทธเจ้าสอนว่า พระพรหมสร้างโลก หรือหลายๆ ศาสนาดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นก็จัดอยู่ในยุคเทวนิยม
2. ยุคอภิปรัชญา เป็นยุคที่นักปรัชญา ให้คำอธิบายเรื่องกำเนิด และปรากฏการณ์ของโลกและมนุษย์ โดยกล่าวถึงว่าสรรพสิ่งเกิดจากกฎธรรมชาติ แต่กฎเหล่านั้นเป็นนามธรรม ที่รู้ได้ด้วยการคาดคิดตามหลักตรรกศาสตร์ ในยุคนี้ปรัชญามีอิทธิพลต่อความเชื่อของมนุษย์
แม้แต่ศาสนาก็พยายามผูกมิตรกับปรัชญา ดังที่ศาสนาคริสต์ได้นำเอาปรัชญาของพลาโตและอริสโตเติลมาช่วย อธิบายตีความคัมภีร์ไบเบิล พระพุทธศาสนาในอินเดีย ได้พัฒนาไปเป็นสำนักพุทธปรัชญาทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายาน
3. ยุควิทยาศาสตร์ เป็นยุคที่นักวิทยาศาสตร์ให้คำอธิบาย เรื่องการกำเนิดและปรากฏการณ์ของโลกและมนุษย์ โดยการกล่าวอ้างข้อมูลในเชิงรูปธรรม ที่ได้มาจากการสังเกต และพิสูจน์ทดลอง ยุคนี้เริ่มต้นเมื่อ 400 ปีที่แล้ว และสืบต่อเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน อันที่จริงวิทยาศาสตร์ได้เจริญเติบโต ภายใต้ร่มเงาของปรัชญาเป็นเวลากว่าพันปี
นักปรัชญาเช่น อริสโตเติล เดมอคริตุส ต่างก็พูดเรื่องวิทยาศาสตร์ ที่พวกเขาเรียกว่า ปรัชญาธรรมชาติ แม้นักปรัชญาจะพูดเรื่องวิทยาศาสตร์ไว้อย่างมีระบบ แต่ทว่าปรัชญาธรรมชาติของพวกเขาก็ยังไม่เป็นวิทยาศาสตร์ เพราะยังเป็นเพียงทฤษฎี ที่ขาดการสนับสนุนด้วยการสังเกตและพิสูจน์ทดลอง
การอธิบายเรื่องโลกและจักรวาลทั้ง 3 ยุคนั้น ปัจจุบันเรากำลังอยู่ในโลกยุควิทยาศาสตร์ ที่อาศัยการสังเกต และการทดลองเพื่อหาคำตอบจากธรรมชาติ ออกมาเป็นรูปธรรม ทำให้คำพูดของนักวิทยาศาสตร์มีความน่าเชื่อถือ มากกว่ายุคใดๆ ส่วนพระพุทธศาสนาแม้จะถูกจัดอยู่ในยุคของปรัชญา
ที่อยู่ท่ามกลางนักปรัชญาที่เกิดขึ้นมากมาย
แต่พระพุทธศาสนาก็มีจุดยืนที่เด่นชัดของตัวเอง โดยเฉพาะคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น มีเหตุผลเข้ากับหลักการทางวิทยาศาสตร์ และสามารถพิสูจน์หาคำตอบ ในสิ่งที่พระองค์ตรัสได้อีกด้วย ถ้าจะว่าไปแล้วพระพุทธศาสนา น่าจะเป็นศาสนาที่จัดอยู่นอกเหนือยุคใดๆ หรือจัดอยู่ในยุคแห่งความจริงตลอดกาล ที่รอการพิสูจน์มากกว่า
จากหนังสือ DOU
วิชา GL 101 จักรวาลวิทยา
กลุ่มวิชาเป้าหมายชีวิต