ทัศนคติด้านลบ...ทัศนคติที่ควรแก้ไข
สืบเนื่องจากภาพในด้านลบของพระพุทธศาสนา วัดวาอารามรวมถึงพระภิกษุสงฆ์ ที่ปรากฏแก่สายตาพุทธศาสนิกชนในรูปแบบต่าง ๆ เป็นผลทำให้ทัศนคติที่เคยมองพระภิกษุสงฆ์ในฐานะของพระ
รัตนตรัย ในฐานะครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม หรือในฐานะของศูนย์รวมจิตใจ เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ค่อย ๆ เลือนหายไป
จนเกิดเป็นทัศนคติด้านลบฝังอยู่ในจิตใจ ความเคารพที่เคยมีกลับเลือนลางไป ในบางกลุ่มบางพวกได้มีความคิด ถึงขั้นที่มองว่า พระภิกษุสงฆ์เป็นผู้ที่อาศัยสังคมอยู่เหมือนกาฝากต้นไม้ ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ในสังคม
อย่างไรก็ตาม การที่ทัศนคติด้านลบเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับพุทธศาสนิกชน ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีขึ้นได้ เพราะในบางกรณี วัตรปฏิบัติที่ไม่เรียบร้อยของพระภิกษุสงฆ์เองก็เป็นต้นเหตุของทัศนคติในด้านลบเช่นนี้จริง ๆ ดังนั้นจึงไม่ควรโยนความผิดไปที่พุทธศาสนิกชนเสียทั้งหมด กล่าวคือ ทัศนคติด้านลบต่อพระภิกษุสงฆ์ รวมถึงการประพฤติปฏิบัติที่น่าเป็นห่วง ของพระภิกษุสงฆ์และวัดวาอารามเองเป็นสิ่งที่ต้องพึงระวังด้วยเช่นกัน
สำหรับการแก้ไขปัญหาของฝ่ายพระภิกษุสงฆ์เองนั้น ดังที่ได้กล่าวไปแล้วในหัวข้อก่อน ๆ กล่าวคือ ได้อาศัยข้อวัตรปฏิบัติในเบื้องต้น เบื้องกลาง และเบื้องสูงที่ปรากฏในสามัญญผลสูตร รวมถึงการมีต้นแบบหรือครูที่ดี เพื่อคอยอบรมพร่ำสอนให้พระภิกษุอยู่ใูนกรอบ ของพระธรรมวินัยและอาศัยเครื่องยังความเจริญให้เกิดขึ้นแก่พระภิกษุสงฆ์ ด้วยการมีความเคารพในพระรัตนตรัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมีความเคารพในพระสงฆ์ในการแก้ไขปัญหา เมื่อเป็นเช่นนี้แม้จะ
เป็นเพียงข้อปฏิบัติเบื้องต้นในเรื่องการรักษาพระวินัยก็ตาม ก็ย่อมมีอานิสงส์และมีอานุภาพไม่น้อยทีเดียว จะกล่าวไปไยกับพระภิกษุสงฆ์ผู้ฝึกวัตรปฏิบัติ ในระดับกลางหรือระดับสูงดังนั้นเราจึงต้องหันกลับมาที่ทัศนคติในการมองพระภิกษุสงฆ์ของพุทธศาสนิกชนแล้วว่า เมื่อพระภิกษุสงฆ์ท่านปรับปรุงข้อวัตรปฏิบัติของท่านแล้ว พุทธศาสนิกชนเช่นเราจะปรับทัศนคติในการมองอย่างไร
จากหนังสือ ที่สุดแห่งธรรม ถึงได้ด้วยความเคารพ 3
โดยคุณครูไม่เล็ก