บวชไม่เสียผ้าเหลือง

วันที่ 08 เมย. พ.ศ.2563

บวชไม่เสียผ้าเหลือง

บวชไม่เสียผ้าเหลือง
พระธรรมเทศนา โดย
พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว)

     บัดนี้พวกท่านได้บวชมาครบพรรษาและได้รับกฐินแล้วบางรูปก็จำเป็นต้องลาสิกขากลับไปสู่ทางโลก อีกหลายสิบรูปตัดสินใจบวชทำความเพียรสร้างบารมีต่อไปในเส้นทางธรรม
      ใครที่จำเป็นต้องลาสิกขาก็ไม่น่าตำหนิอะไร เพราะการที่ท่านตัดสินใจจากบ้าน จากหน้าที่การงานแบ่งเวลามาบวชได้ ต้องจัดว่าเป็นผู้ที่มีวิริยะอุตสาหะมากอยู่แล้ว ถือว่าเป็นชาวพุทธที่มีปัญญาเข้าใจชีวิตถูกต้องและไม่ประมาท จึงรู้จักตัดใจจากความกังวลต่างๆ มาสร้างบุญกุศลสะสมบุญไว้เป็นเสบียงให้แก่ตนเอง เพราะรู้ดีว่าตราบใดที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร ก็ยังมีความจำเป็นต้องใช้บุญไม่มีที่สิ้นสุด
     สำหรับบางรูปที่จำเป็นต้องลาสิกขา เพราะว่ามีภาระทางโลกรออยู่อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นภาระเรื่องการงาน เรื่องครอบครัว เรื่องลูกเรื่องภรรยาที่คอยให้กลับไปดูแล-แนะนำ-ลังสอนอบรมอยู่ที่บ้าน ก็ถือว่าเป็นภาระจำเป็นที่ต้องกลับไปดูแลรับผิดชอบตามหน้าที่กันต่อไป
      ส่วนบางรูปลาราชการมาบวช มีภารกิจของบ้านเมืองรออยู่ ก็จำเป็นต้องลาสิกขากลับไปทำงานของประเทศชาติ ไปแล้วก็ขอให้ตั้งใจทำงานให้สุดความรู้ความสามารถ และนำธรรมะที่ได้รับการอบรมมาตลอดพรรษา ไปประกอบการปฏิบัติหน้าที่การงานให้จงดีอย่าประมาทขอให้หมั่นสร้างบุญโดยการทำงานในหน้าที่ให้สมบูรณ์ยิ่งๆขึ้นไป
      ส่วนบางรูปเมื่อได้รู้แล้วว่าชีวิตพระแท้ไม่ใช่ของพอดีพอร้ายไม่ใช่อยู่ไปวันๆ พระแท้ต้องเอาจริงเอาจังในการทำความเพียร แก้ไขปรับปรุงนิสัยตนเองอย่างหนัก เพราะพระแท้เป็นทหารแห่งกองทัพธรรม ที่ต้องสู้รบกับกิเลสในตัวเอง และสู้รบกับกิเลสของชาวโลกที่หนุนเนื่องบีบคั้นเข้ามาเหมือนคลื่นยักษ์ เพราะฉะนั้น ถ้าใครไม่มีกำลังกายและกำลังใจที่เข้มแข็งพอ คิดว่ายังสู้กิเลสไม่ไหว จะลาสิกขาออกไปตั้งสติอบรมอินทรีย์ให้แก่กล้าไปพลาง เป็นฝ่ายเสบียงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไปพลาง ก็ตามสะดวก
      อาจมีบ้างบางรูปที่ไม่ได้มีภาระทางโลกอะไรมาก แต่ยังอยากจะสึกออกไปทดลองชีวิตในบางสิ่งบางประการที่ค้างคาใจสงสัยอยู่ สำหรับท่านเหล่านี้อยากจะเตือนว่า อย่าไปนาน เดี๋ยวจะพาลกลายเป็นข้างติดหล่ม ภายหน้าพอรู้ตัวแล้วอยากจะกลับมาบวชใหม่อีกก็สายไปแล้ว เพราะไปตกหล่ม มีภรรยา มีลูก เป็นโซ่คล้องคอให้ต้องรับผิดชอบ พะรุงพะรังเต็มไปหมด เหมือนอย่างกับบางรูปขณะนี้ ซึ่งก็เห็นกันแล้วว่ากำลังติดหล่ม อยากบวชต่อก็อยู่ไม่ได้

        ส่วนบางรูปที่รักชีวิตพระ อยากจะบวชอยู่ต่อไปจริงๆ แต่มีภาระต้องลาสิกขากลับไปเลี้ยงดูพ่อแม่ซึ่งแก่เฒ่าเต็มที หลวงพ่อก็ขออนุโมทนาในความกตัญญรู้คุณของท่านและขอให้ตั้งใจเลี้ยงพ่อแม่ให้ดีให้สมกับที่ท่านเป็นพระอรหันต์ของลูก ต่อเมื่อได้เตรียมทุกสิ่งทุกอย่างให้ท่านได้พร้อมแล้ว จนกระทั่งสามารถวางใจได้ ก็ขอให้รีบกลับมาบวชใหม่ อย่าไปเสียเวลาในทางโลกอยู่นานเลย เพราะเวลาของชีวิตคนเราแต่ละคนสั้นนัก เราสามารถใช้เวลาในแต่ละชาติสร้างบุญกุศลให้แก่ตนเองได้มากน้อยแค่ไหน ก็เห็นไต้จากชีวิตของพ่อแม่ที่ให้กำเนิดเลี้ยงดูเรามาเป็นตัวอย่างอยู่แล้ว
      อย่างไรก็ดี ไม่ว่าท่านจะเลือกดำเนินชีวิตต่อไปในเส้นทางใดหลวงพ่อขอใช้โอกาสที่ท่านทั้งหลายได้บวชเรียนมาครบพรรษา ได้ผ่านหลักสูตรอบรมการใช้ชีวิตแบบพระแท้มาได้ระดับหนึ่งแล้วนี้สรุปข้อธรรมเป็น ปัจฉิมนิเทศเพื่อให้ทุกรูปามารถนำธรรมะที่ได้เรียนกันมาตลอดทั้งพรรษา มาประติดประต่อกันเป็นหลักการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง และมั่นใจชัดแจ้งว่างานที่แท้จริงของชีวิตคืออะไร จะได้มีกำลังใจฝึกฝนอบรมตนเองต่อไปไม่หยุดยั้ง ให้คุณงามความดีในตัวเพิ่มพูนยิ่งๆ ขึ้นไปเป็นลำดับ จนกระทั่งสามารถปิดนรก เปิดทางสวรรค์ถางทางพระนิพพานให้แก่ตัวเองได้เต็มที่
      สำหรับปัจฉิมนิเทศที่หลวงพ่อจะนำมาเป็นข้อคิดให้แก่พวกท่านนี้ ใครก็ตามที่น้อมนำไปเป็นหลักการดำเนินชีวิต และสามารถฝึกฝนอบรมตนเองให้เป็นปกติของชีวิตประจำวันได้ ถึงแม้วันนี้จำเป็นต้องลาสิกขากลับไปอยู่ทางโลก ก็สามารถยืดอกภูมิใจได้ว่าเป็นผู้บวชมาแล้วไม่เสียผ้าเหลืองเปล่า ส่วนผู้ที่ตัดสินใจบวชอยู่กับหลวงพ่อต่อไป เมื่อน้อมนำข้อคิดนี้ไปปฏิบัติแล้ว ก็จะได้ชื่อว่า เป็นผู้ป่าวประกาศความงดงามของพระพุทธศาสนาให้ปรากฏแก่ชาวโลกอย่างแท้จริง บุญบารมีย่อมเพิ่มพูนทับทวีมากยิ่งขึ้นไปอีกทุกวันทุกคืน

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0042389671007792 Mins