ทฤษฎีแมลงสาบ (Cockroach Theory)

วันที่ 11 พค. พ.ศ.2563

ทฤษฎีแมลงสาบ (Cockroach Theory)
 

                   A speech by Sundar Pichai, CEO Google - an IIT-MIT Alumnus and Global Head Google Chrome:

 

                  ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง  ขณะที่ นั่งจิบกาแฟอย่างสงบ  อยู่ๆก็มีแมลงสาบจากไหนไม่รู้  บินเข้ามาเกาะผู้หญิงโต๊ะข้างๆแบบไม่ทันตั้งตัว

                ผู้หญิงคนนี้กรีดร้อง กระโดดโลดเต้น โหวกเหวก โวยวาย สะบัดไม้ สะบัดมือ  หวังให้แมลงสาบบินออกไป  ในตอนนั้นท่าทางที่เธอแสดงออกมา   ทำให้เพื่อนๆที่นั่งด้วยกัน รู้สึกตกใจและหัวเสียเป็นอย่างมาก

หลังจากเธอใช้ความพยายามสักครู่หนึ่ง แมลงสาบก็บินออกไป
 

                แต่เดี๋ยวนะ!!!  มันไม่ได้ไปไหนไกลเลย มันแค่เปลี่ยนเป้าหมายไปเกาะผู้หญิงข้างๆแทน  ทันทีที่แมลงสาบเริ่มเกาะอีกคนปุ๊บ  เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนเดิมเป๊ะ

               ผู้หญิงคนใหม่ร้องโหวกเหวกโวยวาย  กระโดดโลดเต้น พยายามทำทุกวิถีทาง สลัดแมลงสาบให้หลุดออกไปเหมือนคนก่อน

               เด็กเสิร์ฟเห็นเข้า ก็ตกใจ  รีบวิ่งตรงดิ่งมาที่โต๊ะลูกค้าทันที

               เหมือนแมลงสาบจะรู้ว่าเหยื่อรายใหม่กำลังมาแล้ว  มันเลยบินออกจากตัวผู้หญิงคนที่สอง  แล้วมาเกาะที่เด็กเสิร์ฟคนนั้นแทน

               เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น......

               แทนที่เด็กเสิร์ฟจะสะบัดแมลงสาบตัวนั้นทิ้งในทันที  เขากลับยืนมองนิ่งๆ เฉกเช่นเพื่อนที่คุ้นเคยกัน
สังเกตพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของแมลงสาบบนเสื้อเขา  เมื่อเด็กเสิร์ฟมั่นใจในทิศทางการเคลื่อนที่ของแมลงสาบแล้ว  เด็กเสิร์ฟ จึงค่อยเอามือคว้าแมลงสาบอย่างรวดเร็ว  พร้อมกับนำออกไปโยนทิ้งนอกร้านในทันที

 

สิ่งที่ CEO Google คนนี้ตั้งคำถามคือ...


              ....แมลงสาบคือต้นเหตุของความโกลาหลครั้งนี้รึป่าว?

              .... ถ้าใช่...แล้วทำไมเด็กเสิร์ฟคนนี้ถึงยืนนึ่งๆ   พร้อมกับรับมือกับเจ้าแมลงสาบตัวนี้ได้อย่างสบายๆ
                   

              ....ในขณะที่หญิงสาวสองคนนั้นถึงกระโดดโลดเต้น วิ่งไปมา  เพื่อให้แมลงสาบบินออกไป

              ....จริงๆแล้วปัญหามันอาจไม่ใช่อยู่ที่ "แมลงสาบ"  แต่มันอยู่ที่ความสามารถในการรับมือกับปัญหาที่เข้ามารบกวนมากกว่า

 

Sundar Pichai เลยเริ่มตระหนักว่า....

                 ที่ผ่านมา...สิ่งต่างๆที่ทำให้ตัวเค้าหัวเสีย ไม่ว่าจะเสียงบ่นจากเจ้านาย พ่อแม่ ลูกค้า หรือ คนใกล้ตัว หรือความเครียดต่างๆที่เกิดขึ้นกับเขา  จริงๆแล้วมันอาจจะไม่ใช่ปัญหาเลยก็เป็นได้

                อารมณ์ หรือ ความรู้สึกต่างๆเหล่านั้นเกิดจากเราเอง เรานี้แหละ ที่ไม่สามารถรับมือกับสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้  เพราะจริงๆแล้วเราคือคนที่เลือกเองว่าจะรู้สึกยังไงกับสิ่งรบกวนเหล่านั้น

               มันไม่ใช่เพราะรถติด แล้วทำให้เราหัวเสีย  แต่มันคือปฎิกิริยาของเราที่ใช้ในการรับมือกับปัญหาต่างหากบางทีถ้าไม่มีสติ เราอาจหงุดหงิด อารมณ์ร้อนมากยิ่งขึ้น พอรถยิ่งติด เรายิ่งรีบ สุดท้ายบานปลายนำไปสู่อุบัติเหตุรถชน

               หรือในกรณีของแมลงสาบ ยิ่งพยายามปัดออกจากเสื้อ  สุดท้าย มันอาจบินมาเกาะหน้า หรือ บินเข้าปาก  ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคุณพยายามวิ่งหนี  คุณอาจสะดุดล้ม เป็นแผลใหญ่โตก็ได้

 

ดังนั้น จงจำไว้ว่า...


              ยิ่งวิธีการรับมือที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งทำให้ปัญหายุ่งเหยิงใหญ่โต  สิ่งสำคัญคือ ไม่ใช่แค่การ #React หรือแค่ตอบสนองปัญหาด้วยสัญชาตญาณ  แต่มันต้องเป็นการ #Respond  หรือรับมือด้วยกระบวนการคิดที่ถูกต้อง ผ่านการใช้สมองไตร่ตรอง เพื่อควบคุมต้นตอของปัญหา ไม่ให้มันบานปลายเกินแก้ไข

             คนที่มีความสุข ไม่ใช่เพราะทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตมีแต่เรื่องที่ถูกต้องตามแผนที่วางไว้หรอกนะ  แต่ที่เขามีความสุข เพราะสติและทัศนคติที่ดีที่มีต่อปัญหาต่างๆในชีวิตมากกว่า  คุณเลือกเอาเองละกันว่าอยากรับมือกับปัญหาแบบ React หรือ Respond

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.030712246894836 Mins