การจัดงานสลายร่าง(ฌาปนกิจ)

วันที่ 24 กย. พ.ศ.2563

การจัดงานสลายร่าง(ฌาปนกิจ)

 

630924_b.jpg


                 ในการฌาปนกิจศพของผู้ละสังขารนั้น เมื่อถึงเวลาที่เจ้าภาพกำหนดแล้ว ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานและออกบัตรเชิญ โดยกำหนดวันเวลาให้ผู้เคารพนับถือทราบทั่วกัน เมื่อเสร็จพิธีบำเพ็ญกุศลแล้วต้องเชิญศพไปสู่เมรุ โดยมีพระสงฆ์ชักศพหรือเดินนำหน้าศพ ส่วนบรรดาญาติจะเดินตามหลังศพไปโดยสงบ ยกเว้นญาติสนิทที่จะถือภาพของผู้ละสังขาร และกระถางธูปเดินนำหน้า ริ้วขบวนจะเวียนรอบเมรุเป็น“อุตราวัฏ” คือเวียนซ้ายทวนเข็มนาฬิกา 3 รอบ เมื่อศพผ่านมา ผู้ที่นั่งอยู่พึงลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความเคารพต่อศพนั้นด้วย หลังจากตั้งศพแล้วเป็นพิธีกล่าวสดุดีผู้ละสังขาร จากนั้นก่อนประชุมเพลิง เจ้าภาพจะเชิญ แขกผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ เป็นผู้ทอดผ้ามหาบังสุกุลที่หีบศพ บนสายสิญจน์หรือบนภูษาโยง ผู้ทอดผ้าคนสุดท้าย เป็นคนจุด “เพลิงศพหลอก” เป็นการขอขมาศพครั้งสุดท้ายก่อนเผาจริง โดยจะมีพระสงฆ์ 4 รูปสวด พระอภิธรรม หรือที่เรียกว่า“สวดหน้าไฟ”

 

                  ในช่วงนั้น แขกที่มาในงานและญาติมิตรจะทยอยกันขึ้นมาเผาศพหรือขอขมาศพด้วยการวาง ดอกไม้จันทน์ ธูป และเทียนตามที่เจ้าภาพเตรียมไว้เป็นชุด ๆ แล้วจึงลงจากเมรุพร้อมรับของที่ระลึกจากเจ้าภาพเมื่อเผาหลอกเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ฌาปนสถานจะเคลื่อนศพไปยังเตาสำหรับเผาจริง ก่อนเผาจริง เจ้าหน้าที่เมรุหรือสัปเหร่อจะทุบหรือต่อยมะพร้าวห้าวที่ปอกเปลือกแล้วเพื่อให้กะลาแตก แล้วนำน้ำมะพร้าวมาล้างหน้าศพก่อน จากนั้นจึงเคลื่อนโลงศพเข้าเตาเผา

 

ตัวอย่างลำดับพิธีฌาปนกิจศพ                                                                                         
                  09.00 น. – เชิญศพขึ้นตั้งบนศาลาบำเพ็ญกุศล
                  10.15 น. – นิมนต์พระสงฆ์ประจำที่นั่ง
                  10.20 น. – เจ้าภาพจุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย
                  10.25 น. – อาราธนาพระปริตร
                  10.30 น. – พระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์
                  11.00 น. – ถวายภัตตาหารเพล, ถวายเครื่องไทยธรรม, พระสงฆ์อนุโมทนา
                  12.00 น. – เลี้ยงอาหารกลางวันแก่ญาติมิตรและแขกที่มาในงาน
                  14.00 น. – นิมนต์พระเทศน์ขึ้นพักบนอาสนะสงฆ์
                  14.05 น. – เจ้าภาพจุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย เทียนกัณฑ์เทศน์ และเทียนธูปหน้าศพ
                  14.10 น. – อาราธนาศีล และอาราธนาธรรม (เทศน์ธรรมดาหรือเทศน์แจงก็ได้)
                                – พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนาจบแล้ว ถวายกัณฑ์เทศน์
                  15.00 น. – นิมนต์พระสงฆ์ 10 รูป (หรือตามแต่ต้องการ) ขึ้นอาสนะสงฆ์พร้อมกัน
                                – มาติกาบังสุกุล
                  15.30 น  – เคลื่อนศพเวียนรอบเมรุ 3 รอบ พระสงฆ์นำศพ 1 รูป

                  15.45 น. – เชิญศพขึ้นสู่เมรุ
                  16.00 น. – ผู้อัญเชิญพานดอกไม้จัดแถวพร้อมที่หน้าเมรุ
                                – อ่านคำสดุดีและคำไว้อาลัย (จบแล้วเชิญชวนผู้ร่วมพิธียืนไว้อาลัย)
                                – เชิญแขกผู้ใหญ่ทอดผ้าบังสุกุลโดยจัดลำดับจากอาวุโสน้อยไปหาผู้มีอาวุโสมาก
                                – ประธานในพิธีทอดผ้าบังสุกุลหน้าหีบศพ
                                – ประธานวางดอกไม้จันทน์
                                – ผู้ร่วมงานวางดอกไม้จันทน์

 

                   รายละเอียดเกี่ยวกับการเชิญแขกขึ้นทอดผ้าบังสุกุล ลำดับการเชิญ
                 – เจ้าภาพต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับประชุมเพลิงบนเมรุไว้ให้พร้อม
                 – เริ่มเชิญจากท่านผู้มีอาวุโสน้อยไปจนถึงท่านผู้มีอาวุโสมากตามลำดับ
                 – เชิญประธานในพิธีขึ้นทอดผ้าบังสุกุลเป็นอันดับสุดท้าย (เรียกว่าผ้ามหาบังสุกุล) เมื่อทอดผ้าบังสุกุล แล้วเชิญประกอบพิธีประชุมเพลิงต่อไปทันที

 

                  ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้เชิญและผู้รับเชิญผ้าบังสุกุล
                 (1) สำหรับผู้เชิญ
                 – เตรียมภาชนะสำหรับรองรับผ้าบังสุกุล เช่น พานทอง หรือ ตะลุ่มมุก เป็นต้น
                 – ประคองภาชนะรองรับผ้าบังสุกุลด้วยมือทั้งสอง แล้วนำไปมอบให้ผู้ทอดผ้าทีละ 1 ท่าน
                 – เดินเข้าไปหาผู้รับเชิญ โค้งทำความเคารพแล้วกล่าวคำเชิญ และเดินตามหลังผู้รับเชิญนั้นโดยเดินเยื้องไปทางด้านซ้ายมือของท่าน
                – เมื่อถึงเมรุแล้ว ให้ยืนห่างจากผู้รับเชิญประมาณ 1 ก้าว จากนั้นจึงยื่นภาชนะรองรับผ้าบังสุกุลเพื่อมอบผ้าให้กับผู้รับเชิญ
                – ลงจากเมรุแล้วเตรียมผ้าบังสุกุลใส่ภาชนะรองรับเพื่อนำไปเชิญผู้ทอดผ้าในลำดับต่อไป


                 (2) สำหรับผู้รับเชิญ
                – เมื่อได้รับเชิญแล้ว พึงลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินไปถึงเมรุ เมื่อถึงแล้วยืนเบื้องหน้าหีบ
(อาจเรียกโลงหรือโกศ) ทำความเคารพตามประเพณีนิยม จากนั้นจึงหันมารับผ้าบังสุกุลมาวาง
ทอดไว้ ณ จุดที่เตรียมไว้
               – ขณะที่พระสงฆ์ขึ้นไปบนเมรุ พึงน้อมตัวลงยกมือไหว้เพื่อรอท่านพิจารณาผ้าบังสุกุล ประนมมือขณะพระสงฆ์ลงจากเมรุ น้อมตัวลงยกมือไหว้อีกครั้งหนึ่งแล้วจึงลงจากเมรุตามมา
               – ถ้าเป็นประธานในพิธีและทอดผ้าบังสุกุลเป็นคนสุดท้าย เมื่อแสดงความเคารพพระสงฆ์ครั้งสุดท้าย แล้วพึงเริ่มประกอบพิธีประชุมเพลิงศพต่อไป

 

             การสดุดีผู้วายชนม์
             การสดุดีผู้วายชนม์ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้มาร่วมงานจะมีโอกาสได้ทราบประวัติและเรื่องราวของ ผู้ละสังขาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือคุณธรรมและความดีงามต่างๆ เพื่อให้ผู้ยังมีชีวิตอยู่ได้จดจำและนำไปเป็น ต้นแบบในการดำเนินชีวิต การกล่าวบทสดุดีผู้วายชนม์นั้นมักจะกล่าวก่อนเชิญแขกผู้ใหญ่ทอดผ้าบังสุกุล


             ตัวอย่างบทสดุดีผู้วายชนม์
             ตัวอย่างที่ 1 - บทสดุดี คุณพ่อพงศ์พัฒน์ (พ่อผู้เป็นต้นแบบ) นมัสการพระคุณเจ้าและสามเณรทุกรูป ท่านผู้มีเกียรติ และยอดกัลยาณมิตรทุกท่าน

 

             พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ประทานพุทธดำรัสไว้ว่า การได้อัตภาพแห่งความเป็นมนุษย์นั้น ช่างยากยิ่ง บุคคลใดได้อัตภาพนี้มา นับเป็นผู้มีบุญลาภอันประเสริฐ เพราะกายมนุษย์เพียงกายเดียวเท่านั้น ที่สามารถสร้างบุญกุศลอันยิ่งยวดให้บังเกิดขึ้นได้

 

             แล้วบุคคลใดเล่า ที่เป็นผู้ให้กำเนิดกายมนุษย์นี้มา ใครหรือ...คือเบ้าหลอม ผู้มอบกายที่สมบูรณ์นี้ให้ เพื่อให้เราได้อาศัยสร้างความดี และดำเนินชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างมีความสุข ท่านไม่เพียงแต่สร้างเท่านั้น แต่ยัง ตามดูแลรักษาปานแก้วตาดวงใจ ยอมสละชีวิตของตนเพื่อแลกกับชีวิตเรา ยินดีเมื่อเห็นเราปรีดา แต่กลับ ทุกข์ท้อยิ่งกว่าเมื่อเห็นเราตรอมตรม ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวแห่งคุณงามความดี ของผู้ที่กำลังทอดร่างสงบนิ่งอยู่ ณ เบื้องหน้านี้ คุณพ่อพงศ์พัฒน์ พ่อแก้วผู้เป็นต้นแบบทั้งทางกาย และทางใจของลูกทุกคน

 

           นับจากวันที่ลูกลืมตาดูโลก ชีวิตของลูกก็ได้รับการดูแลประคบประหงมอย่างดีจากพ่อและแม่ ในยามนั้นลูกแทบไม่รู้เลยว่า กว่าจะมาเป็นคำข้าวแต่ละคำให้ลูกได้อิ่มท้อง กว่าจะมีของเล่นดี ๆ เสื้อผ้าสวย ๆ ให้ลูกได้สวมใส่ กว่าที่ลูกจะเติบใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้ได้ หยาดเหงื่อกี่แสนล้านหยดแล้ว...ที่พ่อต้องอาบเหงื่อ ต่างน้ำ ทุ่มเทแรงกายแรงใจ กรำงานหนัก เพื่อหาทรัพย์มาเลี้ยงดูลูก

 

           ไม่เพียงแต่จะมีพระคุณที่มากล้น พ่อยังเป็นแบบ อย่างของลูกในทุกด้าน ท่านคือ ลูกยอดกตัญญู ผู้ยอมทิ้งความฝันของตน เพื่อพ่อแม่บุพการี แม้จะเรียนหนังสือเก่ง มีพรสวรรค์ในด้านการเรียน แต่เมื่อหันหลังกลับมา ได้เห็นภาพบุพการีทั้งสอง ต้องเหน็ดเหนื่อยทำงานหนัก ท่านทนไม่ได้ ยอมทิ้งการเรียน อาสาตนออกมาช่วยคุณปู่คุณย่าทำงานหาทรัพย์ และด้วยความขยัน อดทน หนักเอาเบาสู้ พ่อจึงกลายมาเป็นเสาหลัก ให้กับครอบครัว เป็นที่พึ่งให้แก่ญาติพี่น้องทุกคนที่ทุกข์ร้อนมาขอพึ่งพิง ท่านไม่นิ่งดูดาย รีบช่วยเหลือทันที ทั้ง ๆ ที่บางครั้ง ก็แทบจะเอาตัวไม่รอดเพราะน้ำใจที่ไม่เคยเหือดแห้งนี้เอง จึงทำให้พ่อเอาชนะใจใครต่อใครหลายคน กลายเป็นที่รักที่เกรงใจ ทั้งในหมู่เพื่อนฝูงและญาติพี่น้อง

 

           ในฐานะของสามีผู้ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวก็เช่นกัน ท่านก็ทำได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เคยแม้สักครั้ง ที่พ่อจะทำให้แม่ต้องช้ำใจ ท่านซื่อสัตย์ รักและเทิดทูนต่อแม่เพียงคนเดียว เป็นเสาหลักที่มั่นคง เป็นช้าง เท้าหน้าที่แข็งแกร่ง จนสามารถสร้างฐานะ จากที่เคยว่างเปล่า ให้กลับกลายมาเป็นเจ้าของกิจการร้านเพชรที่รุ่งเรืองได้

 

            แต่แล้วพ่อก็ได้พบสัจธรรมของชีวิต เมื่อวิบากกรรมได้ตามมาตัดรอน ทำให้ธุรกิจต้องซบเซาลง แม้กระนั้นพวกเราก็ไม่เคยเห็นความท้อแท้สิ้นหวังจากพ่อ ดวงตายังคงฉายแววแห่งความมุ่งมั่นอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะพ่อมีสิ่งสำคัญที่ใช้เป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจเรื่อยมา นั่นคือธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

            นับตั้งแต่ก้าวมาสู่เส้นทางบุญ พ่อของลูกไม่เคยห่างบุญเลย ท่านทุ่มเททำทุกบุญอย่างเต็มกำลังเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านยอมถวายบุตรผู้เป็นดั่ง แก้วตาดวงใจถึง 2 คน ฝากฝังไว้ในร่มเงา พระพุทธศาสนา ให้บรรพชาสามเณรเป็นผู้มีศีลาจารวัตรงดงาม นับเป็นบุญที่พ่อปลาบปลื้มที่สุดและไม่มีวัน ลืมเลือนจนวันสุดท้ายแห่งชีวิตของท่าน

 

           อัตภาพความเป็นมนุษย์นั้นแสนสั้น มรณะภัยคืบคลานเข้าใกล้เราทุกขณะจิต ไม่เคยมีใครข้ามพ้น พญามัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่ได้ ผู้มีปัญญารู้ความเป็นจริงนี้จึงไม่ประมาท กระทำวันเวลาที่ล่วงเลยผ่าน สร้างสิ่ง ดีงามให้เกิดขึ้นแก่ตนและผู้อื่นเสมอมา พ่อของลูกก็เช่นเดียวกัน ท่านรู้ว่าเวลาชีวิตของตนเหลือน้อยลง ทุกขณะท่านจึงไม่ประมาทในการสั่งสมบุญและมีโอกาสสร้างบุญจวบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

 

          แม้วันนี้ คุณพ่อได้จากพวกเราไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่เกียรติคุณความดีงามของท่าน จะยังคงโชตนาการอยู่ในความทรงจำของลูกหลานทุกคนไปตราบนานเท่านาน ขออาราธนาอำนาจบารมีธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และอำนาจแห่งบุญกุศลที่คุณพ่อและพวกเราได้กระทำไว้ดีแล้ว จงดลบันดาล ให้คุณพ่อรุ่งเรืองด้วยทิพยสมบัติทั้งปวง และประสบแต่ความสุขในสัมปรายภพให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปเทอญ

 

          ตัวอย่างที่ 2 – บทสดุดี คุณแม่ขวัญเรือน ชัยวงสี (แม่พระ แม่ศรีเรือน) นมัสการพระคุณเจ้าและสามเณรทุกรูป ท่านผู้มีเกียรติและยอดกัลยาณมิตรทุกท่าน

 

                    จะมีรัก รักใด ในโลกหล้า                   เกินไปกว่า รักของแม่ ไม่แปรผัน

                    ลูกตระหนัก แม่รักลูก แต่ในครรภ์        รักจนวัน สุดท้าย ตายจากจร


          นี่คือความรู้สึกที่มีอยู่อย่างเต็มหัวใจของแม่ที่กำลังนอนทอดร่าง สงบนิ่ง อยู่ ณ เบื้องหน้าของเรา ทุกคนในขณะนี้ ตลอดชีวิตของแม่ท่านนี้ มีแต่ความรักความหวังดีให้แก่ลูกเสมอ รักของท่านเป็นรักที่บริสุทธิ์ จริงใจ ไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทน ในหัวใจของท่านมีแต่ความเสียสละ สละทั้งแรงกายแรงใจ แบ่งปัน พลังชีวิตของตน เพื่อให้ลูกน้อยได้เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์พร้อมในทุกสิ่ง แม่ผู้มีหัวใจยิ่งใหญ่ท่านนี้คือคุณแม่ขวัญเรือน ชัยวงสี แม่ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูกทุกคน

 

          นับแต่วัยเยาว์ ภาพของแม่ที่คอยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูพวกเราทุกคน ยังคงฝังตรึงอยู่ภายในใจ เพื่อพวกเราแล้ว แม่ยอมเหนื่อยเสมอ ท่านทำหน้าที่เป็นทั้งแม่ศรีเรือนให้กับคุณพ่อ เป็นทั้งแม่พระที่คอยดูแลลูก ๆ จนเติบใหญ่ แม้จะเหน็ดเหนื่อยแสนเข็ญ จะลำบากสักเพียงใด แม่ก็ไม่เคยปริปากพร่ำบ่น ยังคงทุ่มเท ด้วยความวิริยะอุตสาหะ หวังให้ลูกเป็นคนดี ได้ร่ำเรียนหนังสือ ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ไม่น้อยหน้าใคร ๆ และแล้วความเหนื่อยยากของแม่เมื่อวันวาน ก็กลับกลายมาเป็นความสำเร็จของลูก ๆ เพราะวันนี้ลูกทุกคนล้วนเติบโตขึ้น เป็นบัณฑิตที่มีความรู้คู่คุณธรรม ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข นั่นเพราะมีแม่อยู่เบื้องหลังเสมอมา


          ไม่เพียงแต่จะคอยพร่ำสอน แม่ยังลงมือทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง ท่านทำให้เราเห็นว่า การโอบอ้อมอารี มีน้ำใจต่อคนรอบข้างนั้น จะก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่เราอย่างไรบ้าง การไม่ดูดายเมื่อเห็นใครเดือดร้อน

 

           จะทำให้เราเป็นที่รักของผู้คนอย่างไร เราได้เห็นตัวอย่างจากแม่เสมอ แม้เมื่อยามที่พวกเราเหน็ดเหนื่อย หรือท้อแท้กลับมา แม่คนนี้ คือผู้ที่คอยปลอบโยนให้กำลังใจ และคอยชี้แนะสิ่งต่าง ๆ ให้ จนพวกเราเอง เกิดกำลังใจที่จะต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิต ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่แม่ได้ทำให้เห็นตลอดมา

 

          คุณธรรมอีกสิ่งหนึ่งที่กลายเป็นความประทับใจของลูกทุกคน คือความกตัญญูกตเวที แม่ของลูก จะเทิดทูนบูชา ให้ความเคารพต่อบุพการีและผู้มีพระคุณเสมอ และแม่ก็ปลูกฝังคุณธรรมนี้ให้เกิดขึ้นกับพวกเรา ทำให้เรามีอุปนิสัยที่ดีงามนี้ติดตัวไปด้วย พวกเราตระหนักดีว่าทุกถ้อยคำที่แม่พร่ำสอน ได้กลั่นผ่านดวงใจ แห่งความหวังดี เป็นถ้อยวจีที่ชี้แนะหนทางชีวิต ทำให้พวกเราได้เดินไปบนหนทางที่ถูกต้องดีงามเรื่อยมา ลูกหวังให้แม่เป็นดั่งร่มไทรใหญ่ ให้ลูกได้พักพิงใจในยามท้อแท้ อยากให้แม่คอยปลอบประโลมเหมือนดั่งเช่นเคยแต่สิ่งที่ลูกหวังคงไม่มีวันเป็นจริงอีกแล้ว

 

           อัตภาพความเป็นมนุษย์นี้ช่างสั้นนัก ดั่งหยดน้ำค้างบนปลายยอดหญ้า เมื่อต้องแสงอันแรงกล้า ของพระอาทิตย์ ก็ต้องแห้งเหือดหายไป ชีวิตมนุษย์ก็เช่นกัน เมื่อเกิดมา สุดท้ายก็ต้องลาลับดับสูญ แม่ของลูก ตระหนักในเรื่องนี้ ตลอดชีวิตของท่านจึงสั่งสมบุญทุกบุญไม่เคยขาด เพราะรู้ว่ามีเพียงบุญเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งให้กับชีวิตหลังความตายได้ แม้วันนี้ท่านจะจากเราไปแล้ว แต่ภาพแห่งการสร้างความดีของแม่จะยังคงอยู่ ในความทรงจำของลูกทุกคนตลอดไป

 

           ขออำนาจบารมีธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ รวมกับบุญบารมีที่คุณแม่และลูกหลานได้กระทำไว้ดีแล้ว จงดลบันดาลให้คุณแม่ได้สถิตย์ในทิพยวิมานอันประเสริฐ เสวยทิพยสุขในสัมปรายภพให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปเทอญ

 

           ตัวอย่างที่ 3 - บทสดุดี คุณแม่จินตนา ไชยกูล (ยอดปฏิมากรเอกของลูก) นมัสการพระคุณเจ้าและสามเณรทุกรูป ท่านผู้มีเกียรติและยอดกัลยาณมิตรทุกท่าน

 

                        ห้วงมหานภากาศอันเวิ้งว้าง           มหาสมุทรสุดกว้าง ในไตรหล้า

                        รวมแผ่นพื้นผืนดลพสุธา               ยังน้อยกว่าห้วงหัวใจแห่งมารดร


             หากจะรวมทุกอณูเนื้อแห่งความเวิ้งว้างของท้องนภากาศ หรือจะรวมมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ สุดประมาณหมดทั้งโลกหล้า ก็ไม่อาจเทียบค่าได้ กับความกว้างใหญ่ แห่งห้วงน้ำใจของบุคคลท่านหนึ่ง ที่เหล่ามนุษย์ต่างพากันเรียกขานท่านว่า แม่

 

             จะมีบุคคลใดในโลกนี้ มีน้ำใจสุดประเสริฐ เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตา มีมหากรุณา จะมีบุคคลใดเล่า ที่ยอมสละสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตของตนโดยไม่หวงแหน เพียงเพื่อให้ลูกได้ดำรงอยู่ ท่านคือ พระพรหม คือพระอรหันต์ คือยอดสตรี ที่มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ มิอาจหาสิ่งใดมาเทียบได้ นี่แหละบุคคลที่ได้รับ การขนานนามว่า แม่

 

             เฉกเช่น คุณแม่จินตนา ไชยกูล แม่ผู้ประเสริฐที่นอนทอดร่างสงบนิ่ง อยู่ ณ เบื้องหน้าของเราในขณะนี้ ตลอดชีวิตของลูกนับแต่วัยเยาว์กระทั่งเติบใหญ่ ภาพแห่งความเป็นผู้ให้และเสียสละของแม่ ได้ตราตรึง อยู่ในความทรงจำของลูกเสมอ แม้จะอยู่ในวัยสาว อายุเพียงสิบกว่าปีเท่านั้นก็ต้องเป็นเสาหลักให้กับน้องทุกคน แต่ด้วยหัวใจที่เด็ดเดี่ยว อดทน ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ทั้งมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แม่ก็สามารถเอาชนะวิกฤติในชีวิต มาได้อย่างสง่างามทุกครั้ง แม้จะเป็นเพียงสตรีเพศที่ชายต่างปรามาสว่าอ่อนแอ แต่แม่ของลูก คือกุลสตรี

 

             ที่ทั้งสวย ฉลาด และเก่งที่สุดคนหนึ่ง เป็นผู้นำที่ทำงานเก่งหาตัวจับยาก จนสามารถสร้างฐานะให้เป็นปึกแผ่น มั่นคง กลายเป็นหลักชัยให้น้องทุกคนได้พึ่งพิงอาศัย

 

             ด้วยบุคลิกที่สง่างาม มีมารยาทที่งามพร้อม แม่จึงชนะใจใครต่อใคร หลายคน รวมทั้งคุณพ่อของลูก เมื่อท่านทั้งสองได้ครองคู่และสร้างชีวิตให้ถือกำเนิดขึ้น คุณแม่ก็ทำหน้าที่แห่งบุพการีได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่เคย บกพร่องในหน้าที่ของคำว่ามารดา ผู้สร้างลูกให้เป็นคนดีที่สังคมยกย่องเลย กว่าปฏิมากรฝีมือเอกจะผลิตผลงาน ให้เราได้ชื่นชมนั้น ต้องใช้ความเพียรพยายาม ความอดทน และแรง ใจอันสูงส่ง จึงสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ชาวโลกได้เห็น แม่ของลูกก็เช่นกัน คือยอดปฏิมากรแห่งชีวิตที่ใช้พลังกาย พลังใจ และพลังชีวิต ของตน สร้างลูกทุกคนให้เป็นคนดีที่ชาวโลกแสวงหา แม่เป็นผู้ให้ชีวิต มอบกายมนุษย์ให้พวกเราได้สร้างความดี แม่เป็นผู้ให้ความรู้ ที่ใคร ๆ ก็ไม่สามารถแย่งชิงไปจากพวกเราได้ และแม่เป็นผู้ให้คุณธรรม ปลูกฝังสำนึกแห่ง ความเป็นชาวพุทธที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและสรณะอันสูงสุดของชีวิต ทำให้พวกเราดำเนินชีวิต ได้อย่างถูกต้องภายใต้กรอบแห่งศีลธรรมอันดีงาม แม่คือผู้มอบทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แม่จึงเปรียบเสมือนวีรสตรีในดวงใจ ที่ใคร ๆ ก็ไม่สามารถลบภาพของแม่ไปจากห้วงคำนึงได้

 

           ดวงตะวัน เปรียบเสมือนมารดาของแผ่นดิน เป็นแหล่งพลังงานอันยิ่งใหญ่ของสรรพชีวิต ฉันใดแม่ก็เปรียบประดุจแหล่งพลังใจที่ยิ่งใหญ่และล้ำค่าของลูกฉันนั้น เป็นดั่งดวงตะวันในดวงใจ คอยมอบ ความอบอุ่นและความรู้สึกปลอดภัยให้แก่ลูกเสมอ ทำให้พวกเรากล้าที่จะก้าวเดินไปบนเส้นทางชีวิต

 

          ได้อย่างองอาจ ลูกหวังและปรารถนาอย่างยิ่ง ให้แม่คอยเติมพลังชีวิตให้แก่ลูกดั่งเช่นเคย แต่สิ่งที่ลูกหวังคง ไม่มีวันกลายเป็นจริงไปได้อีกต่อไปแล้ว

 

           อัตภาพความเป็นมนุษย์ช่างสั้นนัก ดุจรอยไม้ที่ขีดลงไปบนผืนน้ำ เพียงไม้เคลื่อนผ่าน รอยนั้น ก็อันตรธานไปสิ้น ชีวิตมนุษย์ก็ดุจเดียวกัน เมื่อเกิดขึ้น เพียงไม่นาน ก็ดับสูญ ไม่มีใครที่จะล่วงพ้นกฎเกณฑ์ ความเป็นจริงนี้ไปได้ คุณแม่รู้ซึ้งในสัจธรรมข้อนี้ ตลอดระยะเวลาที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจึงเร่งสั่งสมบุญทั้งทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาไม่เคยขาด เป็นผู้นำบุญ ชักชวนลูกหลานและญาติ พี่น้องทุกคนให้ได้ สร้างบุญ เพราะท่านรู้ว่า สิ่งที่จะเป็นที่พึ่ง ให้ท่านได้ในชีวิตหลังความตาย มีเพียงบุญที่ได้กระทำไว้เท่านั้น ท่านจึงเป็นต้นบุญต้นแบบที่ลูกหลานได้ยึดถือดำเนินตามเรื่อยมา

 

          แม้วันนี้ จะไม่มีคุณแม่ให้พวกเราได้พักพิงใจอีกแล้ว แม้พวกเราจะไม่มีโอกาสปรนนิบัติดูแลตอบแทน พระคุณท่านเหมือนเช่นวันวาน แต่ทว่าทุกสิ่งที่แม่พร่ำสอน จะกลายเป็นอนุสรณ์ที่ประทับอยู่กลางดวงใจ ซึ่งจะเป็นตัวแทนของแม่ที่จะอยู่กับลูกทุกคนตลอดไปไม่มีวันเสื่อมสลาย

 

         ด้วยอำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย และบุญบารมีที่คุณแม่และลูก ๆ ได้ทำมาทุกภพทุกชาติตราบจนกระทั่งปัจจุบัน จงปกป้องคุ้มครองคุณแม่ ให้เดินทางไปสู่แดนอันแสนสุขบนสรวงสวรรค์ บันเทิงใจ อยู่ในพิมานสถานตลอดกาลนานเทอญ

 

         ตัวอย่างที่ 4 - บทสดุดี กัลฯ ทองเรียน ทิพย์เจริญพร (ยอดนักสร้างบารมี ป้าโต้) นมัสการพระคุณเจ้าทุกรูป ผู้มีเกียรติ และยอดกัลยาณมิตรที่เคารพทุกท่าน

 

          หากทุกท่านได้นึกถึงแม่น้ำสายใหญ่สายหนึ่งที่มีน้ำใสสะอาดเย็นชื่นใจ เต็มปริ่มอยู่ตลอดเวลา คอยดับกระหายและคลายร้อน ให้แก่ผู้คนที่เดินทางผ่านไปมาอยู่เสมอ หากแม่น้ำสายนี้ไหลทอดยาวผ่าน ผืนแผ่นดินใด ก็มักจะนำความสดชื่น ความอุดมสมบูรณ์ และความมีชีวิตชีวาไปสู่ผืนดินแห่งนั้นเสมอ

 

          เปรียบดั่งบุคคลท่านหนึ่งน้ำใจของท่านงดงาม ล้นหลากอยู่เต็มดวงใจ พร้อมที่จะมอบให้กับ เพื่อนมนุษย์อย่างไม่มีวันเหือดแห้ง หัวใจแห่งยอดกัลยาณมิตรของท่านนั้น ยิ่งใหญ่สุดประมาณพร้อมเสมอที่จะ ทำหน้าที่นำแสงสว่างไปสู่ดวงใจของมหาชนทั้งหลาย ให้เขาเหล่านั้น ได้รู้จักหนทางชีวิตอันถูกต้องดีงาม

 

           ท่านคือแม่ที่ลูกทุกคนเคารพรักยิ่งสิ่งใด ท่านคือคุณป้า ที่แสนใจดีของลูกหลาน และท่านคือยอดนักสร้างบารมี ผู้มีหัวใจยิ่งใหญ่กว่าห้วงมหรรณพใด ๆ ในหล้า ท่านคือยอดกัลยาณมิตร ทองเรียน ทิพย์เจริญพร หรือป้าโต้ ที่พวกเราทุกคนเคารพรัก

 

           นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งธรรม ในปี 2525 คุณป้าก็ทำหน้าที่ยอดผู้นำบุญที่เข้มแข็งมาโดยตลอด ท่านเป็นต้นบุญใหญ่ คอยชักชวนพี่ ๆ น้อง ๆ ทั้งจากที่ทำงาน และคนรู้จักให้ได้มีโอกาสมาประพฤติปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ ทั้งยังคอยประคับประคองท่านเหล่านั้น ให้อยู่ในเส้นทางธรรมเรื่อยมา ใครก็ตามที่มีโอกาส เข้าใกล้ จะเคารพรักคุณป้าทุกคนเพราะน้ำใจที่งดงาม ความเอื้อเฟื้อที่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้น

 

           ทุกครั้งที่คุณป้าและพวกเราเดินทางไปสั่งสมบุญที่วัด ทุกคนก็จะได้ลิ้มลองรสชาติอาหารที่แสนอร่อย จากฝีมือแม่ครัวระดับ 5 ดาวของคุณป้าอยู่เสมอ สร้างความเบิกบานและความประทับใจให้กับพวกเราทุกคน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อคุณป้าจัดรถไปวัดครั้งใดก็จะมีคนเต็มรถทุกครั้ง เพราะนอกจากจะได้ซาบซึ้งในรสพระธรรมแล้ว ยังติดใจในรสชาติอาหารของคุณป้าอีกด้วย

 

           เพราะรู้ซึ้งถึงคำว่า เกิดมาสร้างบารมี คุณป้าจึงไม่เคยย่อท้อหรือเหนื่อยหน่ายต่อการสร้างบารมีเลย แม้บางครั้งจะล้มเจ็บอย่างหนัก แต่ทว่าดวงใจของท่านมิเคยเจ็บป่วยตามร่างกาย ยังคงปรารถนาที่จะสั่งสมบุญ อยู่ตลอดเวลา และด้วยความเพียรพยายาม มุ่งทำหน้าที่ยอดกัลยาณมิตรอย่างไม่หวาดหวั่น ท่านจึงสามารถ ชักชวนสมาชิกทุกคนในครอบครัว บุคคลที่ท่านรักดั่งแก้วตาดวงใจให้ได้เข้ามาสู่เส้นทางธรรมเช่นเดียวกับท่าน ครอบครัวของท่านจึงเป็นครอบครัวธรรมกายที่น่ายกย่องและควรแก่การยึดถือเป็นแบบอย่าง

 

             นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างสูงสุด เมื่อท่านมีโอกาสมองเห็นผ้ากาสาวพัสตร์ห่มคลุมกายบุตรชาย คนเดียวของท่าน ดวงตาจะฉายแววแห่งความปลาบปลื้มปีติทุกครั้ง ที่ได้เห็นพระลูกชายและปรารถนาที่สุด ที่จะเห็นลูก ๆ ทุกคนเป็นยอดนักสร้างบารมี มั่นคงอยู่ในเส้นทางธรรมเยี่ยงนี้ตลอดไป

 

            ชีวิตมนุษย์แสนสั้นนัก ดั่งรอยไม้ที่ขีดลงบนผิวน้ำ เพียงไม้เคลื่อนผ่าน รอยนั้นก็อันตรธานไปสิ้น สรรพสิ่งเมื่ออุบัติขึ้น ย่อมต้องก้าวล่วงสู่จุดสลายทั้งสิ้น ไม่มีบุคคลใดจะล่วงพ้นกฎเกณฑ์แห่งชีวิตนี้ไปได้

 

             แม้วันนี้คุณป้าจะไม่ได้อยู่ร่วมสร้างบารมีกับพวกเราเหมือนเช่นวันวาน แต่พวกเรายังคงจดจำภาพ แห่งความประทับใจ ที่มีคุณป้ายืนหยัดอยู่เคียงข้าง ยังคงจดจำภาพรอยยิ้มเบิกบานของคุณป้า และรสชาติอาหารที่คุ้นเคยอยู่เสมอ และขอให้คุณป้าโปรดรับรู้ว่า หัวใจอันยิ่งใหญ่ของยอดนักสร้างบารมีท่านนี้จะยังคงประทับตราตรึงอยู่ภายในใจของพวกเราตลอดไป จงหลับเป็นสุขเถิด ยอดนักสร้างบารมี ในดวงใจของพวกเรา

 

 

ส่งบุญ

 คู่มือจัดงานบำเพ็ญกุศลและสลายร่างผู้วายชนม์

เสียดาย...หากญาติผู้ตายไม่ได้อ่าน

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0013116359710693 Mins