ข้อควรปฏิบัติหลังการสลายร่าง
เก็บอัฐิ และทำบุญอัฐิ การทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ตาย หลังจากเผาศพจะนิมนต์ พระสงฆ์ไปที่เชิงตะกอน สวดบังสุกุลตาย พรมน้ำมนต์ที่กระดูก แล้วพระสงฆ์สวดบังสุกุลเป็นเพื่อแสดงถึงการเกิด แล้วจึงเก็บกระดูกใส่โกศไว้บนหิ้งบูชา หรือเก็บไว้ที่วัด เมื่อถึงวันตรุษสงกรานต์แต่ละปีจะนำโกศที่ใส่กระดูกไปวัดให้พระสงฆ์สวดบังสุกุล หรือนิมนต์พระสงฆ์ไปทำบุญที่บ้านเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว นับเป็นการทำบุญใหญ่ประจำปี
ขั้นตอนการเก็บอัฐิ เมื่อจัดฌาปนกิจเสร็จแล้ว บางรายอาจเก็บอัฐิในวันนั้น ทั้งนี้เพื่อฉลองเสร็จในวันเดียวกัน โดยเก็บอัฐิ ในเวลาประมาณ 19.00 น. แต่ส่วนใหญ่จะเก็บอัฐิในวันรุ่งขึ้น เมื่อเก็บอัฐิเสร็จตอนเช้าและนำอัฐิไปถึงบ้านแล้ว อาจทำบุญในวันนั้น หรือจะพัก 3 วัน หรือ 7 วันก็ทำได้
เครื่องใช้ในพิธีเก็บอัฐิ
• โกศสำหรับใส่อัฐิ
• กล่องโลหะ ลุ้งโกศกระเบื้อง หรือหีบไม้ สำหรับใส่อัฐิที่เหลือ และอังคาร
• ผ้าขาวสำหรับห่อกล่องโลหะ
• ผ้าสำหรับทอดบังสุกุลก่อนเก็บอัฐิ
• อาหารคาวหวานสำหรับพระสงฆ์
วิธีปฏิบัติในการเก็บอัฐิ
• สัปเหร่อทำพิธีแปรอัฐิ โดยหันด้านศีรษะไปทางทิศตะวันตก แล้วนิมนต์พระสงฆ์สวดบังสุกุลตายเสร็จแล้วหันศีรษะของศพไปทางทิศตะวันออก แล้วนิมนต์พระสงฆ์พิจารณาบังสุกุลเป็น
• เจ้าภาพเก็บอัฐิใส่โกศ โดยเลือกเก็บอัฐิจากร่างกาย 6 แห่ง คือ กะโหลกศีรษะ 1 ชิ้น,แขนทั้งสอง 2 ชิ้น, ขาทั้งสอง 2 ชิ้น, ซี่โครงหน้าอก 1 ชิ้น
• อัฐิที่เหลือรวมทั้งอังคารทั้งหมด ประมวลรวมเก็บใส่โกศกระเบื้องหรือหีบไม้ แล้วใช้ผ้าห่อเก็บไว้สำหรับนำไปบรรจุในเจดีย์หรือนำไปลอยน้ำต่อไป
• เก็บอัฐิเสร็จแล้วนำอาหารคาวหวานไปถวายพระสงฆ์ที่นิมนต์มาพิจารณาผ้าบังสุกุลเสร็จพิธี
“ส่งบุญ”
คู่มือจัดงานบำเพ็ญกุศลและสลายร่างผู้วายชนม์
เสียดาย...หากญาติผู้ตายไม่ได้อ่าน