มงคลสูตร
สูตรว่าด้วยมงคลชีวิต ๓๘ ประการ ใช้สวดเพื่อเสริมสิริมงคลและจุดเทียนนํ้ามนต์
(นำ) (หันทะ มะยัง มังคะละสุตตะคาถาโย ภะณามะ เส.)
(เชิญเถิด เราทั้งหลาย มาสวดคาถามงคลสูตรกันเถิด.)
(รับ) เอวัมเม สุตัง, ข้าพเจ้าพระอานนท์เถระ ได้สดับมาอย่างนี้ว่า :-
เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อาราเม,
ในสมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จประทับอยู่ ในพระเชตวนารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ในกรุงสาวัตถี ;
อะถะโข อัญญะตะรา เทวะตา, ครั้งนั้นแล เทพยดาองค์ใดองค์หนึ่ง ;
อะภิกกันตายะ รัตติยา, อะภิกกันตะวัณณา, มีรัศมีงามยิ่ง เมื่อราตรีปฐมยามผ่านไปแล้ว ;
เกวะละกัปปัง เชตะวะนัง โอภาเสต๎วา, ยังพระเชตวันทั้งสิ้น ให้สว่างไสวทั่วแล้ว ;
เยนะ ภะคะวา เตนุปะลังกะมิ, ได้เข้าไปเฝาพระผูมีพระภาคเจ้า จนถึงที่ประทับ ;
อุปะสังกะมิต๎วา ภะคะวันตัง อะภิวาเทต๎วา เอกะมันตัง อัฏฐาสิ, ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ;
เอกะมันตัง ฐิตา โข สา เทวะตา, ภะคะวันตัง คาถายะ อัชฌะภาสิ, เทวดาผู้ยืนอยู่ ณ ที่ส่วนข้างหนึ่งนั้นแล ได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยคาถาว่า :-
พะหู เทวา มะนุสสา จะ, เทวดาและมนุษย์เป็นอันมาก ;
มังคะลานิ อะจินตะยุง อากังขะมานา โสตถานัง, ผู้หวังความสวัสดี ได้พากันคิดถึงมงคล คือ เหตุให้ถึงความเจริญทั้งหลาย ;
พ๎รูหิ มังคะละมุตตะมัง. ขอพระองค์ จงตรัสบอกมงคลอันสูงสุดด้วยเถิด ดังนี้.
*เมื่อเริ่มสวด อะเสวะนา ให้จุดเทียนทำนํ้ามนต์
(พระผ้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสมงคล ฅ๘ ประการว่า)
*อะเสวะนา จะ พาลานัง, การไม่คบคนพาลทั้งหลาย ๑ ;
ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา, การคบแต่บัณฑิตทั้งหลาย ๑ ;
ปูชา จะ ปูชะนียานัง, การบูชาคนที่ควรบูชา ๑ ;
เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๓ ข้อนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด.
ปะฏิรูปะเทสะวาโส จะ, การอยู่ในประเทศที่สมควร ๑ ;
ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา, ความเป็นผู้มีบุญอันกระทำไว้แล้วในกาลก่อน ๑ ;
อัตตะสัมมาปะณิธิ จะ, การตั้งตนไว้โดยชอบธรรม ๑ ;
เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๓ ข้อนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด.
พาหุสัจจัญจะ สิปปัญจะ, ความเป็นผู้เรียนรู้มาก ๑ การมีศิลปวิทยา ๑ ;
วินะโย จะ สุสิกขิโต, ความเป็นผู้มีวินัยอันศึกษาดีแล้ว ๑ ;
สุภาสิตา จะ ยา วาจา, การพูดแต่วาจาที่ดี ๑ ;
เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ข้อนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด.
มาตาปิตุอุปัฏฐานัง, การบำรุงมารดาบิดา ๑ ;
ปุตตะหารัสสะ สังคะโห, การสงเคราะห์บุตร ๑ ; และภรรยา ๑ ;
อะนากุลา จะ กัมมันตา, การเป็นผู้ทำงานไม่คั่งค้าง ๑ ;
เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ข้อนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด.
ทานัญจะ ธัมมะจะริยา จะ, การให้ทาน ๑, การประพฤติธรรม คือกุศลกรรมบถสิบ ๑ ;
ญาตะกานัญจะ สังคะโห, การสงเคราะห์ญาติทั้งหลาย ๑ ;
อะนะวัชชานิ กัมมานิ, การทำงานที่ปราศจากโทษ ๑ ;
เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ข้อนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด.
อาระตี วิระตี ปาปา, การงดเว้นจากความชั่ว ๑ ;
มัชชะปานา จะ สัญญะโม, การละเว้นจากการดื่มน้ำเมา ๑ ;
อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุ, ความไม่ประมาทในธรรม ๑ ;
เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๓ ข้อนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด.
คาระโว จะ นิวาโต จะ, การให้ความเคารพ ๑, การอ่อนน้อมถ่อมตน ๑ ;
สันตุฏฐี จะ กะตัญญุตา, ความสันโดษ ๑, ความกตัญญู ๑ ;
กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง, การฟังธรรมตามกาลเวลา ๑ ;
เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๕ ข้อนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด.
ขันตี จะ โสวะจัสสะตา, ความอดทน ๑, ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑ ;
สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง, การได้พบเห็นสมณะคือผู้สงบ ๑ ;
กาเลนะ ธัมมะสากัจฉา, การสนทนาธรรมตามกาลเวลา ๑ ;
เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด.
ตะโป จะ พ๎รัห๎มะจะริยัญจะ, ความเพียรเครื่องเผากิเลส ๑ ; การประพฤติพรหมจรรย์ ๑ ;
อะริยะสัจจานะ ทัสสะนัง, การเห็นอริยสัจทั้งหลาย ๑ ;
นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ, การทำนิพพานให้แจ้ง ๑ ;
เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ข้อนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด.
ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ นะ กัมปะติ, จิตไม่หวั่นไหวตามโลกธรรมทั้งแปด ๑ ;
อะโสกัง วิระชัง เขมัง, จิตไม่เศร้าโศก ๑, จิตหมดธุลี คือกิเลส ๑, จิตถึงความเกษม คือปลอดจากโยคะกิเลสทั้งปวง ๑ ;
เอตัมมังคะละมุตตะมัง. ๔ ข้อนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด.
เอตาหิสานิ กัต๎วานะ สัพพัตถะมะปะราชิตา, สัพพัตถะ โสตถิง คัจฉันติ,
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย พากันปฏิบัติมงคลธรรม เครื่องให้ถึงความเจริญเช่นนี้แล้ว, ย่อมเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ข้าศึกทุกหมู่เหล่า ย่อมถึงความสุขสวัสดี ในที่ทุกสถาน ;
ตันเตสัง มังคะละมุตตะมันติ. ข้อนั้นเป็นมงคลอันสูงสุด ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้น ด้วยประการนี้แล.