มีเรื่องราวหลายๆ อย่างที่บันทึกเอาไว้ในพระไตรปิฎก แต่ก็ยังเป็นข้อสงสัยสำหรับผู้ที่มาเริ่มศึกษากันใหม่ หรือผู้ใคร่ต่อการศึกษา เช่น เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องนรกสวรรค์ ว่ามีจริงไหม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงยืนยันว่า มีจริง
แต่พอไปถามคณาจารย์ต่างๆ มักจะได้คำตอบที่ยังทำให้คลางแคลงสงสัย ยังไม่มั่นใจในคำตอบนั้น เช่น ถามเรื่องนรกสวรรค์มีจริงไหม มักจะได้ยินคำตอบว่าน่าจะมีจริงนะ เขาว่ามีจริง เพราะพระไตรปิฎกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ บ้างก็ว่า มันอาจจะไม่มี หรือ สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ หรือ เอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ หรือ เขากุเรื่องขึ้นมาเพื่อให้คนไม่กล้าทำบาป ให้ทำแต่ความดี บ้างก็ว่า งมงาย เป็นเรื่องล้าสมัย เมื่อได้ยินได้ฟังอย่างนี้เข้า ทำให้ความมั่นใจในการศึกษาและการปฏิบัติตัวให้เป็นคนดีค่อยๆ ล่มสลายไป และไม่ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจให้เราละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส ด้วยความสมัครใจไปตกนรก ถ้าลูกหลานเข้าถึงพระธรรมกายไปช่วยได้ ไปเกิดบนสวรรค์เอาบุญไปให้ได้ ท่านยืนยันอย่างนี้ในคำเทศน์สอนของท่านจนกระทั่งหมดอายุขัย ดูเหมือนไม่มีใครกล้ายืนยันอย่างนี้
การบังเกิดขึ้นของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ จึงทำให้เราเกิดความมั่นใจ ในการที่เราเป็นชาวพุทธ เชื่อมั่นในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เราแจ่มแจ้งในหลาย ๆ เรื่อง ที่มีปรากฏในพระไตรปิฎก เช่น เรื่องกฎแห่งกรรม เรื่องนรกสวรรค์ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ เพราะฉะนั้น นรก-สวรรค์จึงเป็นสิ่งที่มีจริง และสามารถพิสูจน์ได้ด้วยพุทธวิธี
คุณครูไม่ใหญ่ (เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนา เมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม, ๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๖)
นิยาม มนต์เสน่ห์แห่งสวรรค์
สวรรค์........ เป็นที่เสวยผลบุญที่เราได้กระทำเมื่อตอนเป็นมนุษย์
สวรรค์........ ณ ที่นั้น เขาไม่ได้ดูว่า ตอนเป็นมนุษย์ใครมียศถาบรรดาศักดิ์สูงต่ำแค่ไหน จะหล่อรวยสวยฉลาดแค่ไหน เขาดูที่ ใครสั่งสมบุญมามาก
สวรรค์........ ณ ที่นั้น เขาไม่ได้ดูว่า ใครอายุยืนยาว หรืออยู่มานานจึงจะให้เป็นผู้มียศใหญ่ มีความเป็นใหญ่ แต่เขาดูที่ ใครมีบุญมาก ก็ให้โอกาสผู้นั้นเป็นผู้มียศ มีความเป็นใหญ่
สวรรค์....... เทพบุตรเทพธิดาผู้มีบุญมาก รัศมีที่ออกจากกาย จากเครื่องประดับก็มาก บริวารสมบัติก็มาก วิมานใหญ่โตโอฬาร
สวรรค์......... มีพื้นที่ใหญ่โตโอฬาร มีการปกครองแบ่งออกเป็นเขต ๆ ประชากรชาวสวรรค์ในแต่ละชั้นมีจำนวนมากกว่าในเมืองมนุษย์มาก
สวรรค์........ มีฤดูเดียว คือ ฤดูสบาย ไม่มีฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฯลฯ
สวรรค์........ ไม่มีความมืด มีแต่ความสว่างไสว แม้วัตถุสิ่งของก็สว่างไสว
สวรรค์........ มีแต่ความเป็นหนุ่มเป็นสาว ถ้าเทียบกับอายุมนุษย์ สาวอายุราว ๑๖ ปี ถึง ๑๘ ปี หนุ่มอายุราว ๑๘ ปี ถึง ๒๐ ปี สวรรค์...มีแต่เกิดกับตาย ไม่มีแก่ ไม่มีเจ็บ
สวรรค์........ มีสังคมใหม่ มีวัฒนธรรมใหม่ ขนบธรรมเนียมประเพณีใหม่ และมีความคิดไม่เหมือนมนุษย์
สวรรค์........ มีแต่ความสุขอันประณีต และยาวนาน สวรรค์มีจริง พิสูจน์ได้ ไปรู้ไปเห็นได้
ถ้าเราได้เข้าถึงพระธรรมกาย ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย ไปกันได้ทุกคน
ลักษณะของชาวสวรรค์
วิมานของเทพนารี วิมานประเภทนี้ จะเป็นที่รองรับท่านที่เป็นหญิง ตอนเป็นมนุษย์ได้อยู่ร่วมกับสามี และเมื่อละจากโลกแล้วปรารถนาจะไปอยู่ร่วมกันอีก หรือหากมีบุญน้อยที่ต้องไปเกิดอาศัยวิมานเขาอยู่ก็จะไปเกิดบนเตียงของเทพบุตรเจ้าของวิมาน เจ้าของวิมานอาจมีเทพนารีหลายๆ นาง เทพนารีจะปรองดองกัน ไม่ทะเลาะกัน
วิมานของเทพอัปสร เทพอัปสรบริวารจะเกิดขึ้นด้วยบุญของเจ้าของวิมานโดยจะไปเกิดข้างเตียง เจ้าของวิมานมองดูเทพอัปสรที่เป็นบริวารแล้วจะไม่มีความกำหนัดยินดีในกาม บนสวรรค์เทพบุตรจะมีน้อยกว่าเทพธิดา เพราะบุรุษมักจะมีรสนิยมไปลงอบายกัน เพราะว่าเขามีภารกิจของลูกผู้ชายที่ต้องดื่ม ต้องเที่ยว ต้องนี่ ต้องนั่น ต้องโน่น เพราะฉะนั้น ให้เราหมั่นสั่งสมบุญ ให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนากันให้มาก แล้วเราก็จะได้ไปอยู่บนสวรรค์
ดวงตาของชาวสวรรค์ จะเห็นแต่ของสวยๆ ของไม่สวยไม่มีสิทธิ์ได้เห็นเลย หูจะได้ยินแต่เสียงที่ไพเราะ เสียงดนตรี เสียงลมพัด เสียงพูด หรือเสียงอะไรต่างๆ ฟังแล้วไพเราะหู จมูกก็จะได้ดมแต่กลิ่นหอมๆ ลิ้นก็จะได้รับลิ้มรสอร่อยๆ กายจะได้สัมผัสในสิ่งที่นุ่มนวล เพลิดเพลิน ทำให้เกิดอารมณ์สบาย จะพบกับเบญจกามคุณอย่างเลิศ เมื่อไปอยู่บนสวรรค์ ที่นั่นเป็นสถานที่ที่น่าไปอยู่ เทพนารีสวยไม่สร่างเลย ตั้งแต่เกิดถึงวันจุติ ถ้าเทียบกับอายุมนุษย์ จะอยู่ในวัย ๑๖-๑๘ ปี น่าดู รูปร่างดี ลีลาอ่อนช้อยงดงาม สวยด้วยเครื่องประดับเครื่องแต่งตัวที่งดงาม พูดจาไพเราะ มีถ้อยคำที่จรรโลงใจเจ้าของวิมาน ไม่น่าเบื่อเลย ที่นั่น มีสวน มีสระ สวนผลไม้ ไม้ดอก ไม้ใบ ไม้ผล ฯลฯ ผลไม้ที่นั่นไม่พิการเหมือนผลไม้ในเมืองมนุษย์ ไม่ต้องมานั่งปอกเปลือก รสชาติอร่อยดี
เครื่องประดับชาวสวรรค์
ตัวอย่างเครื่องประดับของเทพบุตรและเทพอัปสรที่เป็นบริวาร (คนรับใช้) ที่นำมาให้ชมนี้ เป็นเครื่องประดับ ที่นำมาจากวิมานจนๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังสวยงาม เรียบหรู ดูดี มีสไตล์ ไฮคลาส เท่ เก๋ คลาสสิค และวิจิตรอลังการ
เครื่องประดับของเจ้าของวิมานจะอลังการมาก สวยงามวิจิตร ชับซ้อน สวยงามวิจิตรกว่าของบริวารทั่วไปมากๆ วิมานของผู้มีบุญมากจะวิจิตรซับซ้อนกว่าวิมานของผู้มีบุญน้อย แต่ละวิมานจะไม่เหมือนกัน เพราะเกิดขึ้นด้วยบุญของเจ้าของวิมาน ซึ่งสั่งสมบุญมาต่างกัน
เครื่องประดับของบริวารชั้นล่าง มักจะเกิดด้วยทานวัตถุเป็นหลัก แต่มิใช่มีเฉพาะอย่างนี้ จริงๆ มีมากมายหลากหลายนี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ พอสังเขป
สร้อย
สร้อยเส้นบะหมีทองคำตะเกียบฝังเพชร
เป็นรูปเส้นหมี่ยาวๆ สีทองอ่อนๆ สลวย คล้องคอยาวแล้วห้อยด้วยตะเกียบทองคำฝังเพชรคีบลูกชิ้นจับกันเกิดจากบุญที่เจ้าของวิมานเคยทำทานด้วยบะหมี
สร้อยผักบุ้ง
มีใบสีเขียวเล็กๆ ถึงใบใหญ่ กลางใบใหญ่มีเพชรเป็นรูปหยดน้ำ สวยงาม เกิดจากบุญเอาผักบุ้งมาถวายพระ
สร้อยข้าวต้มมัดหยก
ข้าวต้มมัดเป็นหยกมัดด้วยตอกทองคำ และสายสร้อยเพชร
สร้อยลูกชิ้น
สร้อยเพชร มีห่วงทองเล็กๆ คล้องกลมๆ รอบสร้อย ก้านเป็นทองคำฝังเพชรห้อยด้วยลูกชิ้นไข่มุก เม็ดใหญ่ๆ ๔-๕ เม็ดต่อๆ กัน เสียบเหมือนลูกชิ้น เกิดจากบุญถวายลูกชิ้นปิ้ง
สร้อยเส้นหมี่
สร้อยทองมีลักษณะคล้ายเส้นหมี่ เสียบลงไปในตะเกียบทองฝังเพชรห้อยลงมา
ผ้าทองฝังรัตนชาติ (เพชรพลอย)
ผ้าถักด้วยทองอ่อนนุ่ม มีแสงรัศมีสว่างวาบๆ เกิดจากบุญถวายผ้า
สร้อยข้าวเปลือกทองคำ
เป็นสร้อยที่นำเม็ดข้าวเปลือกทองคำเอามาต่อๆ กันหลายๆ เส้น เกิดจากบุญถวายข้าวเปลือก
สร้อยข้าวสาร
เป็นสร้อยเม็ดข้าวสารเพชร และรัตนชาติหลากสีเอามาต่อๆ กันหลายเส้น แล้วใส่เข้าไปในห่วงทองประดับด้วยเพชรพลอยหลากสี และมีช้อนกับส้อมทองคู่เล็กๆ ห้อยตุ้งติ้ง เกิดจากบุญตักบาตรข้าวสาร
สร้อยคนโททอง
เป็นคนโททองฝังรัตนชาติ และสร้อยทองมีสายน้ำเพชร เป็นเพชรใสเม็ดเล็กๆ ต่อๆ กัน เหมือนเทสายน้ำเพชรออกจากคนโท
สร้อยคลื่นปลาทับทิม
สร้อยสีเหลืองทองสวยเก๋ มีปลาสีแดงทับทิมฝังเพชร คั่นระหว่างคลื่น
สร้อยส้มตำปู ส้มตำไทย
มีมะเขือเทศทับทิม ถั่วฝักยาวมรกต ถั่วลิสงบุษราคัมหรือโอปอ พริกหยก มะละกอทอง มะนาวและน้ำตาลเพชร กุ้งแห้ง เป็นพลอยสีส้ม นำมาประกอบ เป็นเครื่องประดับต่างๆ เช่น ต่างหู สร้อย แหวน กำไลแขน กำไลข้อมือล้อมรอบด้วยทองคำ สร้อยอีกเส้นหนึ่งมีปูไพลินล้อมด้วยเพชรและทอง ตวงตาปูเป็นบุษราคัม เกิดจากบุญถวายส้มตำ
เครื่องประดับนี้จะแต่งคู่กับเสื้อผ้าที่หรูหรา สวยงามตั้งแต่บนศีรษะเหนือเส้นผมขึ้นไป ถัดลงมาที่ผม หน้าผาก ใบหู คอ แขน ข้อมือ นิ้ว หน้าอก เอวถึงเท้า สวยทุกส่วน
ถามว่า เขาแต่งชุดนี้จะไปทำสวนกันอย่างไร อธิบายว่า สวนบนสวรรค์เกิดขึ้นด้วยบุญมีทั้ง ไม้ยืนต้น ไม้ผล ไม้ดอก ไม้ใบ และต้นหญ้าต่างๆ ตั้งแต่ต้นสูง ต้นสูงขนาดกลาง ไม้พุ่มเตี้ย จนกระทั่งไม้คลุมดิน
หญ้า ก็มีหลากหลาย มีใบเล็ก ใบเรียว ใบกลม ใบใหญ่ ปุแน่นนุ่มนิ่มกว่าพรม ไม่ต้องตัด ไม่ต้องรดน้ำ ไม่ต้องพรวนดิน ไม่ต้องขจัดวัชพืช ไม่ต้องใส่ปุ๋ย ดูสวยสดเสมอ กิ่งก้านสาขาของต้นไม้ก็ไม่ต้องคอยตัดแต่งกิ่ง สวยงาม สดชื่นเป็นอนันตกาลอย่างนั้น ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งวันสุดท้ายจุตินิมิตเกิด แต่ก็จำเป็นต้องมีคนดูแลสวนเพื่อความผาสุกยิ่งๆ ขึ้นของเจ้าของวิมานดอกไม้ในสวนไม้ดอกมีไว้มอบบูชาเจ้าของวิมาน ถือไว้โปรยเมื่อเจ้าของวิมานมา บริวารที่ทำหน้าที่นี้ก็จะลอยไป โปรยดอกไม้หอมๆ สวยๆ โปรยช้าๆ พอตกใกล้ถึงพื้นก็แวบหาย มีไว้ประดับวิมานตามจุดต่างๆ สวยและหอม ผู้ดูแลสวนจะทำหน้าที่อย่างนี้
ดอกไม้สดสวยและหอม มีแสงรัศมี และความสว่าง เครื่องประดับก็มีรัศมี สีสัน และมีแสงเป็นประกาย ดังนั้น บนสวรรค์จึงไม่มีมุมมืด เทพอัปสรบริวาร มีแต่สวยๆ และสวยมาก แต่เทพบุตรเจ้าของวิมานก็ไม่มีจิตกำหนัดยินดีในเทพอัปสรบริวาร เพราะว่าบริวารนี้เกิดขึ้นด้วยบุญของตัวและบริวารก็อยู่ในโอวาท รู้จิตรู้ใจเจ้าของวิมาน
ร้อยหมื่นจินตนาการหรือจะสู้บุญบันดาลได้ เพราะฉะนั้น สร้างบุญเถิด แล้วเราจะมีบริวารมาช่วยดูแลสวน ดูแลเสื้อผ้า ดูแลคลังสมบัติ เรื่องอาหาร สระน้ำ ฯลฯ มีนักดนตรี เครื่องดนตรี มีประติมากรรมสวยๆ รอบๆ วิมาน และอื่นๆ อีกมากมาย
จากหนังสือ มนต์เสน่ห์เเห่งสวรรค์ ทัณฑ์ทรมานเเห่งนรก