นิทานจีน สอนลูกรัก
ตอน มียศศักดิ์จึงรักนับถือ
เว่ยซนเป็นบัณฑิตหนุมที่มีความรู้ความสามารถ เขาเดินทางไปยังเมืองหลวงของแคว้นลู่เพื่อสมัครเข้ารับราชการในราชสำนัก แต่ทว่าเวลานั้นยังมีสงครามเกิดขึ้นอยู่ตามชายเขตแคว้นอยู่เนื่องๆ ในราชสำนักจึงให้ความสำคัญแต่เรื่องเสาะหาแม่ทัพนายกองมากกว่าจะสนใจบัณฑิตหนุ่มคนหนึ่ง เมื่อถูกปฏิเสธเว่ยซุนจึงเดินทางกลับบ้าน ครั้นเมื่อมาถึงบ้าน คนในครอบครัวก็ทำบึ้งตึงเย็นซาเข้าใส่ มารดานั้นไม่มีทาทียินดี เมื่อบุตรชายกลับถึงบ้าน บิดาก็ไม่พูดด้วย ผู้เป็นน้องสะใภ้ก็นั่งซักผ้าเฉย ไม่เอ่ยปากทักทาย แม้แต่ผู้เป็นภรรยาก็แสร้งอุ้มลูกไปทางอื่น เมื่อเว่ยซุนเอ่ยปากว่าหิวก็ไม่มีผู้ใดยกนำแกงมาให้
เว่ยซุนเสียใจไม่น้อย เขาอดทนอยู่สักพักและจึงเดินทางออกจากบ้านอีกครั้งไปยังแคว้นอื่นๆ เขาไปเสาะแสวงหางานทำในหลายๆ สำนักจนในที่สุด ทูตแตว้นฉีก็รับเขามาเบ็นที่ปรึกษาอยู่ในคณะของบัณฑิตหนุ่มทั้งหลาย
เว่ยชุนได้ความดีความชอบมาก เนื่องจากคำปรึกษาของเขาทำให้แคว้นได้ชัยชนะในสงคราม และได้แผ่ขยายอาณาจักรกว้างใหญ่กว่าเดิม อีกทั้งยังได้เป็นพันธมิตรเนื่องจากได้รับคำแนะนำให้ผนึกกำลังกับแคว้นอื่นอีกด้วย
เว่ยซุนได้รับแต่งตั้งให้เป็นขุนนางใหญ่ ไม่ใช่แห่งแคว้นฉีเท่านั้น แต่ยังเป็นที่เคารพนับถือ และเป็นที่ปรึกษาให้กับแคว้นอื่นๆ อีก 5 แคว้นด้วย เว่ยซุนจึงมีบรรดาศักดิ์ใหญ่โตได้จวนหลังใหญ่อยู่อาศัย อีกทั้งยังได้ทรัพย์สินเงินทองมากมาย
วันหนึ่งเว่ยชุนจะต้องเดินทางไปติดต่อข้อราชการที่แคว้นลู่เมื่อเดินผ่านตำบลบ้านเกิดของตนก็ปรากฏว่าผู้เป็นบิดามารดาออกมารับอยู่ที่ระหว่างทางไกลจากบ้านหลายสิบลี้ เพื่อขอร้องให้แวะไปเยือนที่เมื่อเว่ยซุนไปถึงที่บ้านเก่าก็พบภรรยายืนค้อมศีรษะลงคำนับพร้อมกับนำน้ำชามาให้ ส่วนผู้เป็นน้องสะใภ้นั้นก็ถึงกับคุกเข่าก้มลงโขกศีรษะลงกับพื้นคำนับอย่างเคารพนับถือ
เว่ยซุนจึงเอ่ยขึ้นว่า
"เหตุไฉนคนในครอบครัวของข้าจึงต้อนรับข้าอย่างเกรงอกเกรงใจอย่างนี้ละ"
ผู้เป็นภรรยาจึงกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า
"ก็เดี๋ยวนี้ท่านพี่ไมใช่ท่านพี่คนเก่าแล้ว เดี๋ยวนี้ท่านพี่เป็นขุนนางใหญ่ที่ใครๆ ก็เคารพนับถือไปทั่วทั้งหกแคว้นแล้ว จริงหรือไม่"
ท่านพ่อท่านแม่ บิดามารดาและน้องสะใภ้ของเว่ยซุนต่างพยักหน้ากันเป็นการใหญ่ เว่ยชุนจึงยิ้มแล้วจิบน้ำชาแล้วจึงได้เอ่ยปากร่ำลาขอตัวไปทำราชการในเมืองหลวงต่อไป