ชีวิตประจำวันของมวลมนุษย์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะประกอบธุรกิจ เล่าเรียนศึกษา การกระทำอื่นใดให้เป็นผลสำเร็จ ล้วนแล้วต้องเกี่ยวข้องอาศัยบุญทั้งนั้น ถ้าเรามีบุญมาก การคิดวินิจฉัยก็ถูกต้อง กระทำสิ่งใดก็สำเร็จโดยง่าย ถ้าบุญปานกลาง การคิด-พูด-ทำ จะมีผลถูกต้องมากกว่าผิด ถ้าบุญน้อย จะคิดวินิจฉัยทำสิ่งใด ก็จะผิดพลาดมากกว่าถูก แต่ถ้าไม่มีบุญเลย จะคิด-พูด-ทำ สิ่งใด จะผิดพลาดทั้งสิ้น ไม่มีความสำเร็จเลย นี้เอง ที่คนทั่วไปสงสัยว่าทำไมบางที "แค่ ๑ สมอง ๒ มือ" ก็ไม่สามารถทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จได้ มนุษย์เราทุกวันนี้อยู่ได้ด้วยบุญเก่า
ถ้าบุญเก่าทำมาดีก็เกิดมาหล่อ สวย รวย ฉลาด สมปรารถนา ทำทานมาดีก็เกิดมารวย รักษาศีลมาดีก็หน้าตาดี สุขภาพแข็งแรง เจริญปัญญาหรือนั่งสมาธิมาเยอะก็ทำให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด คิดทำการสิ่งใดก็ถูกต้อง มีวินิจฉัยไม่ผิดเพี้ยน เรียนหนังสือ ก็ความจำดี ท่องจำได้ไวกว่าคนอื่น
แต่ถ้าบุญเก่าทำมาดี เกิดมามีชีวิตที่สุขสบาย แต่กลับไม่ทำบุญเพิ่ม ใช้ชีวิตเพลิดเพลินไปกับกระแสโลก ไม่ทำบุญใหม่เพิ่มแต่ยังทำกรรมอีก ผิดศีล ๕ เป็นปกติโดยไม่รู้ตัว เช่น
ศีลข้อ ๑ ปาณาติบาต ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต บางทีก็เข้าป่าล่าสัตว์ มีเกมส์กีฬาที่สนุกอยู่บนความตายผู้อื่น ตกปลาบ้าง ตบยุง ฆ่ามดก็ใช่ ทำให้ชีวิตเขาตกล่วงไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ปาณาติบาตนี่รวมไปถึงการทำร้ายร่างกายด้วย บางคนกินเหล้าเมามาซ้อมลูกซ้อมเมีย
ศีลข้อ ๒ อทินนาทาน ลักเล็กขโมยน้อย ถือเอาของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้ ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม
ศีลข้อ ๓ กาเมสุมิจฉาจาร : เจ้าชู้มีบ้านเล็กบ้านน้อย ผิดลูกผิดเมีย ล่วงเกินสตรีที่มีเจ้าของแล้ว หรือที่ผู้ปกครองเขาไม่อนุญาต ซึ่งในปัจจุบันนี้มีมนุษย์เราผิดศีลข้อนี้กันจนเป็นเรื่องปกติ
ศีลข้อ ๔ มุสาวาทา พูดโกหก บางคนคิดว่าศีลข้อนี้หมายถึงโกหกอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้ว รวมไปถึงพูดล่อเสียด พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้ออีกด้วย
ศีลข้อ ๕ สุราเมรัย เหล้า เบียร์ ไวน์ หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ต่างๆ
ศีล แปลวา ปกติ คนในปัจจุบันทำเรื่องผิดศีลจนเป็นเรื่องปกติ เวลาเห็นใครสำรวมระวัง กาย-วาจา-ใจ หรือมีศีล ก็กลับเห็นเป็นเรื่องผิดปกติไป
คนส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ในเรื่องการคิด พูด ทำให้กายวาจาใจ อยู่ในบุญในกุศล ไม่รู้ว่าบุญและบาปมีสิทธิ์ที่จะทวีตัว ทำบุญก็ได้บุญ หมั่นตามระลึกนึกถึงบุญที่ทำก็ได้บุญเพิ่มขึ้นอีก นึกทุกครั้งได้บุญเพิ่มขึ้นทุกครั้ง ทำบุญบ่อยๆ และหมั่นระลึกนึกถึงบุญที่ทำทุกครั้ง ดวงบุญในตัวเราก็จะทับทวีโตขึ้น ดวงบุญที่โตขึ้นนี่ก็จะเป็นอายตนะไปดึงดูดสิ่งดีๆ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน คนดีๆ สิ่งดีๆ เข้ามาหา บุญเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทุกสิ่ง ทุกอย่างในชีวิต
ทำบุญอย่างเดียวไม่พอต้องรักษาศีลด้วย เพื่อให้ความดีของเราก้าวหน้ายิ่งขึ้น แรกๆ ยังไม่ชินก็รักษาศีล ๕ รักษาศีลเฉพาะวันพระ จากนั้นใจเราจะเริ่มมีคุณภาพ และเพื่อให้บุญในตัวเราเพิ่มมากขึ้นทับทวี ก็ต้องทำให้ครบทั้งทาน ศีล ภาวนา ภาวนานั้นจะสวดมนต์เจริญภาวนาหรือนั่งสมาธิ ทำอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง ๒ อย่างควบคู่กันไปด้วยได้ยิ่งดี
ทั้ง ๓ อย่างเพียงเท่านี้ สิ่งดีๆ ก็จะเกิดขึ้นแล้วในชีวิต และถ้าตรงกันข้าม?
ทำบาปผิดศีลเป็นอาจิณกรรม (กรรมที่ทำบ่อยๆ ซ้ำๆ ) ใจก็จะคุ้นชินกับการคิดพูดทำสิ่งบาปๆ ใจเราก็จะหยาบลง จนเสียคุณภาพของใจ เมื่อทำกรรมบ่อยๆ ดวงบาปในตัวก็โตขึ้น ดวงบาปจะมีอายตนะไปดึงดูดสิ่งเลวๆ ต่างๆ รอบตัวให้เข้ามาสู่ตัวเรา คนประเภทเดียวกัน คนที่ชวนกันไปในทางเสื่อม ยามจะทำความดีกับเขาขึ้นมาด้วยความที่ไปอนุโมทนาบาปไว้เยอะ ก็จะมีคนคอยขัดขวางการทำดีของเราอยู่ร่ำไป คนเราไม่ได้เกิดมาภพชาติเดียวหรือเพิ่งเกิดมาในชาตินี้ เราเกิดกัน มาแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วน เป็นกันหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่สัตว์ตัวเล็กตัวใหญ่จนมาเป็นมนุษย์ เปรียบได้กับถ้าเราเอาดินขึ้นมาปั้น ๑ ก้อน แล้วบอกว่านี่คือชาติหนึ่งที่เราเกิดมา เรานั่งปั้นดินทีละลูกๆ ละ ๑ ชาติ อย่างนี้จนดินหมดโลกยังไม่เท่ากับจำนวนชาติที่เราเกิดมาเลย
แล้วแต่ละชาติที่เกิดมาเราทำกรรมกันมาไม่รู้กี่อย่าง กว่าจะหมดชาติหนึ่งเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง รวมแล้วกี่ชาติกี่กัปที่เกิดมา กรรมที่มันยังตามส่งผลเรานั้นยังมีอยู่ เหมือนระเบิดเวลาที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด ไม่รู้ลูกไหนจะระเบิดตูมขึ้นมาก่อนในชาตินี้
เรายิ่งทำบาปเพิ่มก็เท่ากับว่าดวงบาปในตัวไปกระตุ้นหรือเร่งให้บาปที่ยังมาไม่ถึงนั้นให้ผลเร็วขึ้น ยิ่งพวกที่ชอบพูดว่า บุญไม่ทำ กรรมไม่ก่อ นี่ก็ไม่ต้องพูดกันล่ะ เท่ากับว่ามีชีวิตเกิดมาเพี่อรอเวลารับกรรมอย่างเดียวเลย