เล่าเรื่องคุณยาย
ตอน ลูกกระสุนที่ว่าแน่ ก็ยังแพ้อานุภาพคุณยาย
กราบคารวะ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่เคารพอย่างสูงครับ
กระผม.. พระพินิจ จารุปุณฺโณ พรรษา 26 ปัจจุบันรับบุญตำแหน่งหัวหน้าภาคเหนือ กองแก้วภูธรภาคเหนือ สำนักกัลยาณมิตรสากล วัดพระธรรมกาย ครับ
หลวงพ่อครับ ย้อนไปในสมัย ที่กระผมยังวัยละอ่อน ขณะนั้น น่าจะประมาณพรรษา 5 ครับ ตอนนั้น กระผมและคณะญาติโยม ได้มีโอกาสเดินทาง ไปที่ด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นจุดผ่อนปรนทางการค้า ระหว่างชายแดนไทย กับประเทศเพื่อนบ้าน (พม่า) ครับ
เมื่อเดินทางไปถึง ก็ทำเอากระผมถึงกับต้องผงะ เพราะสิ่งที่เห็น คือ กลุ่มทหารประเทศเพื่อนบ้าน (พม่า) ที่แต่งองค์ทรงเครื่องครบครัน กำลังยืนถือปืนด้ามเบ้อเริ่ม ประจำการอยู่บริเวณชายแดน หนำซ้ำสายตาทุกคู่ ต่างมองมาทางกลุ่มของพวกกระผม เพราะทหารเข้าใจผิดว่า พวกกระผมจะรุกล้ำชายแดน เข้าไปในฝั่งประเทศเขา ซึ่งวินาทีนั้น กระผมขอบอกตรงๆ ครับว่า กระผมรู้สึกเสียวว้าบ ใจคอเริ่มไม่ค่อยดี ดูทีท่าว่าจะไม่รอดๆ
ดังนั้นกระผมจึงรวบรวมสติ และเรียกญาติโยมทุกคน ให้รีบกลับไปที่รถโดยด่วน และระหว่างที่เดินกลับ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ก็ได้เกิดขึ้นครับ คือ พวกกระผมได้เจอกับ กลุ่มทหารประเทศเพื่อนบ้านอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านแถวนั้นต่างบอกว่า ทหารกลุ่มนี้ มักเข้ามาดื่มเหล้า ที่ฝั่งชายแดนประเทศไทย พอเมาได้ที่ ก็ชอบโหวกเหวกโวยวาย ใช้กำลังบังคับ เอาทรัพย์สินเงินทองของคนไทย ที่ผ่านไปผ่านมา ตามชายแดน
และเมื่อทหารกลุ่มนี้ ได้เจอกับพวกกระผม พวกทหารก็ยกปืนขึ้น จ้องหน้าและพูดดังๆว่า เถาะป่ายๆๆ (ถอยไปๆ) ตอนนั้นกระผมคิดว่า ถ้าเรายอมทำตามที่ทหารสั่ง คือ เดินถอยไป ก็จะเท่ากับว่า ได้รุกล้ำข้ามดินแดน ไปฝั่งชายแดนประเทศของเขาในทันที ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น พวกกระผมก็เสร็จกันนะสิครับ
ดังนั้น ทุกคนจึงพยายามอธิบาย และขอร้องพวกทหารต่างๆ นานา แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง ทหารกลุ่มนั้น ก็ยังยกปืนขึ้นขู่ และพูดแต่คำว่า เถาะป่ายๆ (ถอยไปๆ) จนสถานการณ์เริ่มรุนแรง และตึงเครียด เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง เนื่องจากคุยกันคนละภาษา ซึ่งดูแล้ว ไม่มีวี่แววว่า จะเคลียร์กันได้ลงตัวเลยครับ ด้วยเหตุนี้ กระผมจึงรู้สึกกลัว จนขนลุกไปทั้งตัวเลยครับ อีกทั้งขาทั้งสองข้างยังสั่น
แต่ ณ ช่วงจังหวะนั้น ก็ไม่รู้มีอะไรมาดลใจ ให้กระผมคิดถึงคุณยายขึ้นมา และทันใดนั้น กระผมจึงรีบเอามือ เข้าไปจับล็อกเกตคุณยาย ที่พกติดตัวมาด้วย ตรงกระเป๋าอังสะ และอธิษฐานบอกคุณยายทันทีว่า
“คุณยายครับ ช่วยพระด้วย” งานนี้ท่าจะไม่รอดแล้วครับคุณยาย
หลวงพ่อครับ และสิ่งปาฏิหาริย์ก็ได้เกิดขึ้น กับกระผมจริงๆ เพราะตาเนื้อทั้งสองข้างของกระผม เห็นคุณยายมาปรากฏกาย ในท่านั่งสมาธิ เหมือนในล็อกเกตเป๊ะเลยครับ
จากนั้น ภาพคุณยายค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นๆ จนคลุมพวกกระผมทุกคน
และวินาทีนั้น หูกระผมก็ได้ยินเสียงดัง “แก๊กๆ” เมื่อหันไปดู ก็เห็นทหารกลุ่มที่อยู่ข้างหลังพวกผม กำลังยิงปืน โดยเล็งปลายกระบอก มาทางกลุ่มพวกกระผม อย่างไม่ยั้ง
แต่ก็น่าแปลก เพราะไม่ว่าทหารกลุ่มนั้นจะยิงเท่าไร ลูกกระสุนก็ไม่มีอารมณ์ออก คือ ยิงลงดินก็แล้ว ยิงขึ้นฟ้าก็แล้ว กระสุนปืนก็ไม่ยอมออกเลยครับ เห็นอย่างนั้นแล้ว พูดได้แต่เพียงคำเดียวจริงๆ ครับว่า มหัศจรรย์เหลือเกิน เล่นเอาทหารเหล่านั้น งงเป็นไก่ตาแตก หายเมากันไปเลย คงคิดว่า พระหนุ่มอย่างกระผม ต้องมีวิชาคงกระพัน หรือไม่ ก็คงมีของขลังกันกระสุนได้ครับ
หลวงพ่อครับ ช่วงเวลาที่ความตายอยู่ตรงหน้า กระผมเห็นคุณยาย ซ้อนคลุมพวกกระผม ตลอดเวลาเลยครับ และด้วยความมั่นใจ ในบารมีธรรมของครูบาอาจารย์ กระผมจึงรวบรวมความกล้าหาญของตัวเอง ที่มีอยู่ทั้งหมด ตัดสินใจเดินไปคุย กับทหารกลุ่นนั้นใหม่อีกครั้ง
ซึ่งรอบนี้ แปลกมากครับ คือ คุยกันรู้เรื่อง ทั้งๆ ที่กระผมก็พูดภาษาไทย ยกไม้ยกมือ ชี้โบ้ชี้เบ้เหมือนเดิม แต่ทหารกลุ่มนั้นกลับเออ ออ ทำเป็นรู้เรื่อง และยอมปล่อยให้พวกกระผม กลับไปที่รถได้อย่างง่ายดายครับ
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้กระผมซาบซึ้ง ในความเมตตาของคุณยาย เหลือเกินครับ ที่ท่านเมตตาคุ้มครองรักษา ลูกหลานของท่าน ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ใกล้ หรือไกลแค่ไหน บารมีธรรมของคุณยาย ก็ยังคงตามคุ้มครองรักษา ไม่ห่าง
ซึ่งกระผม ขอคอนเฟิร์มเลยว่า ลูกกระสุนที่ว่าแน่ ก็ยังแพ้อานุภาพคุณยายจริงๆ ครับ
ดังนั้น บุญหล่อทองคุณยายในครั้งนี้ กระผมจะทุ่มให้สุดชีวิต เพื่อจะได้เชื่อมสายบุญ กับคุณยายไปจนถึงที่สุดแห่งธรรม และกระผมก็ขอเชิญชวน ให้ทุกคนมาเอาบุญกับคุณยาย กันเยอะๆ นะครับ เพื่อที่จะได้เชื่อมสายบุญกับท่าน แล้วจะได้มีบุญ ตามติดยายครับ
ล็อกเก็ตคุณยาย ที่พกติดตัวไปด้วย