ดังนั้น ผู้ที่คิดจะเป็นมารดา จำเป็นจะต้องพัฒนาสัมมาทิฏฐิ และหิริโอตตัปปะ ขึ้นมาในตนให้เกิดเป็นนิสัย ด้วยการศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่าง สม่ำเสมอ ก็จะสามารถเป็นต้นแบบ จิตใจที่เป็นมนุษย์ให้แก่บุตรได้บรรดามารดาที่สร้างความโกรธเคืองให้แก่บุตร จนบุตรนึกถึงพระคุณไม่ออก ก็ล้วนแต่เป็นผู้ที่บกพร่องในเรื่องสัมมาทิฏฐิ และหิริโอตตัปปะอย่างมากนั่นเองสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระคุณข้อที่ 4 มารดาต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนทำหน้าที่มารดาหมายความว่า การที่มารดาจะสามารถทำหน้าที่เป็นบุพการีของบุตรได้อย่าง สมบูรณ์แบบ มารดาจะต้องเตรียมความพร้อมก่อนแต่งงานอย่างน้อย 3 ด้าน คือ
1) มีฐานะทางเศรษฐกิจมั่นคง หมายความว่า คู่ สมรส ต้องมีอาชีพการงานมั่นคง มีรายได้
เพียงพอสำหรับใช้จ่ายเมื่อมีบุตร
2) มีความรู้ในการเลี้ยงดูบุตร ทั้งทางโลกและทางธรรม
3) มีครอบครัวที่มีความสุขและอบอุ่น หมายความว่า ผู้เป็นมารดาต้องไม่อยู่ในฐานะภรรยาน้อย
หรือภรรยาเก็บของชายใด ต้องไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุข ต้องไม่ทอดทิ้งบุตรให้อยู่กับญาติหรือพี่เลี้ยง มากกว่าอยู่กับตนเอง เป็นต้น
ในฝ่ายของบุตร ถ้าบุตรได้ตรองด้วยปัญญาอย่างลึกซึ้ง ย่อมจะเกิดความเข้าใจได้เองว่า ถึง
อย่างไรมารดาก็มีพระคุณ ต่อบุตรอย่างมากมายสุดจะนับจะประมาณ เมื่อรู้ถึงคุณของมารดาแล้ว ก็พึงหาทางตอบแทนคุณของท่านด้วย คือเมื่อมีความกตัญูแล้ว ก็ต้องแสดงกตเวทิตาด้วย เพราะสิ่งนี้คือ กรรมดีของเราโดยแท้บุตรควรแสดงกตเวทิตาต่อมารดาอย่างไรบ้าง
จากหนังสือ DOU
วิชาGB 203 สูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก
กลุ่มวิชาสูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก