เครือข่ายกัลยาณมิตรกุญแจแห่งความสำเร็จ
เครือข่ายกัลยาณมิตร คือกุญแจไขไปสู่ความสำเร็จทั้งปวงก่อนอื่นต้องขอทบทวนความเข้าใจ นักศึกษาอีกครั้งหนึ่งว่า คำว่าเครือข่ายกัลยาณมิตรของเรานั้นต้องประกอบด้วยคุณลักษณะสำคัญอย่างน้อย 3 ประการ คือ
1. ตัวเราเองต้องเป็นคนดีมีสัมมาทิฏฐิเข้าไปอยู่ในใจอย่างมั่นคง คือมีคุณสมบัติของกัลยาณมิตร
หรือมีความเป็นมิตรแท้อย่างสมบูรณ์พร้อม
2. กัลยาณมิตรในเครือข่ายแต่ละคน ก็ต้องเป็นคนดีมีสัมมาทิฏฐิเข้าไปอยู่ในใจอย่างมั่นคง หรือถ้ายังไม่มั่นคง ก็ต้องรู้จักตัวเอง และมุ่งมั่นที่จะพันาตนให้มีสัมมาทิฏฐิเข้าไปอยู่ในใจอย่างมั่นคง ด้วยการพยายามซึมซับคุณความดีจากกัลยาณมิตรในเครือข่ายคนดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
3. ต้องร่วมกันทำกิจกรรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและสังคม เพื่อประโยชน์ให้แก่สังคม เพื่อ
พันาเครือข่ายกัลยาณมิตรให้แข็งแกร่ง เพื่อขยายเครือข่ายกัลยาณมิตรให้กว้างขวางออกไปเรื่อยๆ และเพื่อพัฒนาสัมมาทิฏฐิในใจของกัลยาณมิตรแต่ละคนให้แก่รอบยิ่งขึ้นถ้านักศึกษาย้อนกลับไปดู อุ - อา - ก - ส ซึ่งอธิบายจบ ไปแล้วอีกครั้งหนึ่ง ย่อมจะเห็นว่าเครือข่ายกัลยาณมิตรมีบทบาทสำคัญที่สุด ต่อทั้ง 3 หัวข้อ คือ อุ - อา - ส
กล่าวคือ ในหัวข้อ "หาเป็น" หรือ "อุฏฐานสัมปทา" นั้น ถ้าสังคมเต็มไปด้วย "คนตาเดียว"
ขาดแคลนผู้มีลักษณะนิสัย "กัลยาณมิตร" ผู้คนในสังคมย่อมไม่มีทางประกอบอาชีพอย่างสุจริตได้เลย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนในสังคมไทยในช่วงที่ผ่านมานี้ก็คือ ทั้งๆ ที่ผู้คนโดยทั่วไปประจักษ์แจ้งแก่ใจแล้วว่าการค้ายาเสพติดให้โทษ เป็นงานผิดศีลธรรม และกฎหมาย มีโทษร้ายแรงตามกฎหมายถึงขั้นประหารชีวิต และริบทรัพย์สมบัติ แต่ก็มีผู้คนมากมายพากันเข้าไปสู่อาชีพนี้ ราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ฉะนั้นนี่คือเหตุผลที่แสดงว่า "การหาเป็น" จะเกิดขึ้นได้จริงก็เฉพาะในสังคมที่มีเครือข่ายกัลยาณมิตรเท่านั้น มิฉะนั้นการหาก็อาจจะไม่ประสบผลสำเร็จ ประการหนึ่ง หรือถ้าประสบผลสำเร็จก็เป็นการหาโดยไม่ชอบธรรม อีกประการหนึ่ง
สำหรับในหัวข้อ "เก็บเป็น" หรือ "อารักขสัมปทา" นั้น ย่อมมีผลต่อเนื่องจากการหาด้วย กล่าว
คือ ถ้าบุคคลล้มเหลวในการทำมาหากิน ย่อมไม่มีทรัพย์สมบัติเก็บ หรือถ้าเขาประสบความสำเร็จในการทำมาหากิน จากอาชีพทุจริตอาชีพผิดกฎหมาย หรืออาชีพต้องห้าม ทรัพย์ที่เขาได้มาย่อมมีวิบัติติดมาด้วยเช่น อาจถูกรัฐยึด อาจถูกไฟไหม้ ถูกโจรปล้น เป็นต้น ถ้าเป็นเช่นนั้น การเก็บของเขาย่อมไม่ประสบผลสำเร็จในทางกลับกัน บุคคลที่หาทรัพย์ด้วยความสุจริต เขาย่อมเป็นคนประเภทสองตา คนประเภทนี้ย่อมรู้จักการฝังขุมทรัพย์ทั้ง 2 วิธี คือ เก็บเป็นทรัพย์หยาบไว้ เพื่อใช้ประโยชน์ตามความจำเป็นในโลกนี้และเก็บเป็นทรัพย์ละเอียด ซึ่งจะแปรเปลี่ยนเป็นบุญเกื้อกูลเขาให้ประสบความสุข และความสำเร็จทั้งในโลกนี้และโลกหน้านี่คือเหตุผลที่แสดงว่า "การเก็บเป็น" จะเกิดขึ้นได้จริงก็เฉพาะในสังคมที่มีเครือข่ายกัลยาณมิตรเท่านั้น
สำหรับในหัวข้อ "ใช้เป็น" หรือ " สมชีวิตา" นั้น บุคคลประเภทตาเดียว ถ้าเขาไม่ประสบความสำเร็จในการทำมาหากิน เขาอาจหันเข้าหาอบายมุขต่างๆ การใช้ไม่เป็นของเขา ย่อมทำให้เขา
เดือดร้อนและยากจนหนักขึ้น อีกทั้งไม่มีโอกาสใช้ทรัพย์ เพื่อสั่ง มบุญกุศลเลย แต่ถ้าเขาประสบความสำเร็จในการทำมาหากิน เป็นคนร่ำรวย ตั้งหลักฐานได้ในชีวิตนี้ เขาย่อมไม่สั่ง สมบุญไว้สำหรับโลกหน้าเพราะเขาเป็นคนไม่มีธรรม ซ้ำร้ายกว่านั้นบางรายยังหวังร่ำรวยยิ่งขึ้น ด้วยการเป็นผู้ประกอบการสถานอบายมุขสร้างความยากจน และเดือดร้อนให้แก่ผู้คนประเภทตาเดียวโดยทั่วหน้าสร้างปัญหาสับสนวุ่นวายให้แก่สังคมไม่รู้จบ
นี่คือเหตุผลที่แสดงว่า "การใช้เป็น" จะเกิดขึ้นได้จริงก็เฉพาะในสังคมที่มีเครือข่ายกัลยาณมิตรเท่านั้นเพราะเหตุนี้จึงกล่าวได้ว่า เครือข่ายกัลยาณมิตรเท่านั้นที่จะเป็นกุญแจเปิดประตูให้ผู้คนในสังคมเดินไปสู่ความสำเร็จแห่งเป้าหมายชีวิตทั้งระดับต้น และระดับกลางอย่างไรก็ตาม ในธรรมบรรยายที่ผ่านมามิได้กล่าวถึงลักษณะนิสัยของคนดี และคนไม่ดีไว้ละเอียดพอ ดังนั้น จึงใคร่ขอนำเสนอลักษณะนิสัยของคนดีและคนไม่ดีโดยนำมาจากเรื่อง มิตรเทียมและมิตรแท้ในสิงคาลกสูตร1 เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย
จากหนังสือ DOU
วิชาGB 203 สูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก
กลุ่มวิชาสูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก