มิจฉาทิฏฐิ
มิจฉาทิฏฐินั้น แม้ไม่มีการปลูกฝังอบรม ก็สามารถเกิดขึ้น และมีอำนาจเหนือความคิดจิตใจของผู้คนได้ตลอดเวลา เฉกเช่นวัชพืชทั้งหลาย แม้ไม่มีใครปลูกก็ขึ้นงอกงามได้เอง ต้องปราบกันอยู่เสมอยังไม่ยอมหมดส่่วนสัมมาทิฏฐินั้น แม้คนได้รับฟังธรรมเรื่องนี้แล้ว ก็ใช่ว่าจะเกิดความเข้าใจกันทุกคน บางคนแม้ฟังหลายๆ ครั้งแล้ว ก็เข้าใจเพียงบางข้อเท่านั้น ยังเข้าใจไม่ครบทั้ง 10 ข้อ เนื่องจากตนเองใจยังไม่ละเอียดพอ ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ อีกทั้งไม่เคยคิดหาวิธีพิสูจน์ เพราะยังติดอยู่ในวงจรมิจฉาทิฏฐิแม้บางคนที่ได้ศึกษาจนเกิดความเข้าใจสัมมาทิฏฐิทั้ง 10 ประการ โดยปราศจากข้อกังขาใดๆแล้ว แต่สัมมาทิฏฐิของเขา ก็ยังไม่สามารถก่อให้เกิดประสิทธิผลใดๆ เพราะยังเป็นสัมมาทิฏฐิที่อยู่ในระดับ"ความเข้าใจ" เท่านั้น คือยังไม่เข้าไปอยู่ในใจ จนเกิดเป็นลักษณะนิสัยประจำตัวประจำใจ บุคคลประเภทนี้
ย่อมพร้อมที่จะแสดงพฤติกรรมเยี่ยงมิจฉาทิฏฐิชน คือมีพฤติกรรมเป็นมิตรเทียมได้เหมือนกัน หากตกอยู่ในสภาพแวดล้อมไม่อำนวยบางอย่างต่อเมื่อสัมมาทิฏฐิได้เข้าไปอยู่ในใจอย่างมั่นคง จนเกิดเป็นลักษณะนิสัยประจำตัวประจำใจของบุคคลแล้วเท่านั้น จึงจะมีประสิทธิภาพก่อให้เกิดปัญญาเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า แท้ที่จริงนั้นเป้าหมายของการได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ก็คือการสร้างบุญบารมี เพื่อกำจัดอาสวกิเลส ให้สิ้นไปจากใจ อันเป็นผลให้บรรลุมรรคผลนิพพาน หรือทำพระนิพพานให้แจ้ง หลุดพ้นไปจากสังสารวัฏโดยเด็ดขาด ความเข้าใจเช่นนี้ย่อมนำไปสู่การตั้งเป้าหมายชีวิต 3 ระดับดังได้กล่าวแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงวิธีปฏิบัติ เพื่อบรรลุเป้าหมายทั้ง 3 ระดับดังกล่าวไว้อย่างชัดแจ้ง อย่างไรก็ตามบุคคลที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายชีวิตระดับที่ 3 ได้นั้นเป็นเรื่องยากยิ่ง ถ้ายังไม่ สามารถหรือไม่เคยบรรลุเป้าหมาย 2 ระดับต้นแล้ว อย่าพึงหวังว่าจะมีโอกาสบรรลุเป้าหมายชีวิตระดับที่ 3
เพราะเหตุนี้สำหรับผู้ครองเรือนทุกท่านจะต้องพากเพียรปฏิบัติ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมาย 2 ระดับแรกเสียก่อน
จากหนังสือ DOU
วิชาGB 203 สูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก
กลุ่มวิชาสูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก