พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสเวยยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่าบุคคลที่เป็นมิตรมีใจดี 4 จำพวกนี้ คือ
1. มิตรมีอุปการะ
2. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์
3. มิตรแนะนำประโยชน์
4. มิตรมีความรักใคร่
บัณฑิตรู้อย่างนี้แล้วพึงเข้าไปคบหาโดยความจริงใจเหมือนมารดาคบหาบุตรผู้เกิดแต่อก ฉะนั้นบัณฑิตผู้สมบูรณ์ด้วยศีลย่อมสว่างโชติช่วงดังดวงไฟเมื่อบุคคลสะ สมโภคทรัพย์อยู่ดังตัวผึ้งสร้างรังโภคทรัพย์ของเขาก็ย่อมเพิ่มพูนขึ้นดุจจอมปลวกที่ตัวปลวกก่อขึ้น ฉะนั้นคฤหัสถ์ในตระกูล ผู้สามารถครั้นรวบรวมโภคทรัพย์ได้อย่างนี้แล้วพึงแบ่งโภคทรัพย์ออกเป็น 4ส่วน คือส่วนหนึ่งใช้สอย2ส่วนใช้ประกอบการงานส่วนที่ 4 เก็บไว้ด้วยหมายใจว่าจะใช้ยามมีอันตราย จึงผูกมิตรไว้ได้
อธิบายความ เมื่อพระพุทธองค์ตรัสมิตรแท้ 4 ประเภทจบ เท่ากับพระพุทธองค์ทรงให้ตะแกรง วิเศษอีก 4 ใบ แต่ละใบมีช่องตะแกรง 4 ช่อง รวมทั้งหมดมี 16 ช่องตะแกรงทั้ง 4 ใบนี้ ใช้สำหรับร่อนหาพฤติกรรมดีของมิตรแท้ โดยคนแรกที่ต้องนำมาใส่ตะแกรงร่อนก่อน คือ ตัวเอง หากพบว่าพฤติกรรมของมิตรแท้ข้อใดข้อหนึ่ง หรือหลายข้อในตัวขาดหายไป ให้รีบหาทางเพิ่มพูนโดยเร็ว หลังจากนั้นจึงค่อยร่อนคนอื่น หากพบพฤติกรรมดีงามของมิตรแท้ในบุคคลเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นประเภทเดียวกันหรือต่างกันกับของตน ให้รีบคบหาบุคคลนั้นๆ ไว้เป็นมิตร เพื่อซึมซับเอาพฤติกรรมดีงาม จากมิตรแท้เข้ามาเพิ่มพูนไว้ในตน
จากหนังสือ DOU
วิชาGB 203 สูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก
กลุ่มวิชาสูตรสำเร็จการพัฒนาสังคมโลก