วันครอบครัว
ในช่วงเทศกาลสงการนต์เราจะเห็นผู้คนเดินทางกลับไปบ้านเกิดกันมาก ถนนในกรุงเทพฯโล่งว่าง แต่ถนนไปสู่ต่างจังหวัดรถราแน่นขนัดไปหมด ปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นจากการพัฒนาเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจของประเทศ ในสมัยก่อนคนเราเกิดที่ไหนก็มักจะโตอยู่ที่นั่น เมื่อมีครอบครัวก็มักจะมีอยู่ในถิ่นเดิม เพราะฉะนั้นครอบครัวจึงเป็นครอบครัวใหญ่ เพราะในสังคมการเกษตรนั้น ปัจจัยการผลิตที่สำคัญที่สุดก็คือที่ดิน ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่กับที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ พ่อแม่อยู่ที่ไหน ถึงคราวยกที่ดินให้ลูก ลูกก็ทำกินบนที่ดินนั้นต่อ มีครอบครัวก็อยู่ที่นั่น อย่างมากก็อาจจะเดินทางข้ามหมู่บ้านข้ามตำบล ไปได้สาวได้หนุ่มมาเป็นคู่ครองบ้าง แต่ก็ไม่ไกลกันเท่าใด ครอบครัวจึงเป็นครอบครัวใหญ่ มีคนรุ่นปู่ ย่า ตา ยาย มีพ่อแม่ มีลูก หลาน เหลน อยู่ด้วยกันแล้วก็แบ่งงานกันทำ คนที่ยังหนุ่มยังสาว ยังแข็งแรงก็เข้าท้องไร่ท้องนา ทำไร่ทำนาไป ปู่ย่า ตา ยาย อายุมากแล้วทำนาทำไร่ไม่ไหว ก็อยู่ดูแลบ้านสานกระบุงบุ้งกี๋ ทอผ้าไปบ้าง หรือว่าช่วยดูแลเด็กๆ ไปบ้างทั้งครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า
แต่เมื่อเศรษฐกิจเปลี่ยนไปกลายเป็นสังคมอุตสาหกรรม ที่ทำงานเปลี่ยนจากท้องไร่ท้องนา กลายเป็นโรงงานบ้างบริษัทห้างร้านต่างๆ ซึ่งมักอยู่ตามตัวเมือง ทั้งยังสามารถเปลี่ยนที่ทำงานได้ อยู่โรงงานนี้ไปสักพัก มีช่องทางดีกว่าอาจย้ายไปทำงานโรงงานใหม่ หรือย้ายบริษัทใหม่ การที่ต้องเปลี่ยนที่อยู่บ่อยๆ อย่างนี้ จะพากันไปทั้งครอบครัวใหญ่ ปู่ ย่า ตา ยาย ลูก หลาน เหลน ไปอยู่ด้วยกันหมดก็ไม่สะดวก จึงต้องไปตัวคนเดียว เมื่ออยู่ๆไปเจอหนุ่มเจอสาวถูกใจเข้าก็แต่งงานมีครอบครัว มีลูกมีเต้าที่นั่น ครอบครัวจึงเป็นครอบครัวเดี่ยว
ฉะนั้นสภาพที่เป็นครอบครัวเดี่ยวหรือครอบครัวใหญ่จึงเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอาชีพการงานของผู้คนจากภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ผู้ที่ย้ายถิ่นมาอยู่ในเมือง ปกติไม่ค่อยจะมีเวลาไปเยี่ยมบ้าน ก็ได้อาศัยช่วงสงการนต์ที่มีวันหยุดหลายวัน กลับไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ลูกๆ ก็ได้มีโอกาสกราบคุณปู่ คุณย่าคุณตาคุณยาย ไปทำบุญด้วยกัน จึงถือว่าวันสงการนต์เป็นวันครอบครัว มีคำถามว่า ในเทศกาลวันครอบครัว หลักที่ถูกต้องควรจะต้องทำอย่างไร ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าเราไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่เพื่ออะไร ไปแสดงความคิดถึง ความห่วงใย แล้วก็ดูว่าท่านเป็นอยู่อย่างไร มีอะไรที่เราจะเกื้อกูลสนับสนุนท่านได้บ้าง เป็นการแสดงความกตัญญู กตเวที ขณะเดียวกันคนเราต้องการมีราก แม้ว่าโตขึ้นมาจะมาเรียนหรือทำงานที่เมืองใหญ่ แต่ถึงคราวก็จะคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนของตน ได้กลับมาบ้านเกิดที่ตัวเองได้โตขึ้นมาแล้วมันก็ชื่นใจ รู้สึกว่าชีวิตมันมีราก
เทศกาลครอบครัวนี้จะสมบูรณ์ได้ เมื่อทุกคนมีจุดร่วมเดียวกัน เพราะเท่าที่เห็น หลายๆคน คิดถึงคุณพ่อคุณแม่จึงกลับไปเยี่ยมท่านหลานเองก็อยากจะไปพบคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย ลุงป้าน้าอา แต่พอไปพบกันจริงๆ กลับคุยกันไม่กี่คำ เป็นอย่างไรสบายดีหรือ เรียนหนังสือเป็นอย่างไรบ้าง คุณปู่คุณย่าสบายดีไหมครับ ถามกันไปถามกันมาไม่กี่นาทีหมดคำถามแล้ว ไม่รู้จะคุยอะไรต่อ หลานๆเองเรื่องของชนบทก็ไม่รู้ คุณปู่คุณย่าเรื่องในเมืองก็ตามเขาไม่ค่อยจะทัน กลายเป็นว่าไม่มีหัวเรื่องที่จะสนทนากัน ได้แต่มองกันแล้วก็เคอะๆเขินๆ
อย่าว่าอื่นไกลเลย บางทีพ่อแม่กับลูกอยู่ในเมืองหลวงด้วยกันนี่แหละ พ่อแม่ทำงานทั้งวัน พอกลับมาถึงบ้านเจอลูกเข้า บางครั้งอยากจะคุยกับลูกนะ แต่ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร เพราะเด็กๆก็สนใจไปอย่างหนึ่งผู้ใหญ่ก็สนใจไปอีกอย่าง จุดความสนใจไม่เหมือนกันเลยไม่มีหัวข้อร่วมที่จะมาเป็นประเด็นในการสนทนากัน เรื่องนี้อยากจะฝากพวกเราว่า ลองอย่างนี้ดีไหม เอาเรื่องธรรมะนี่แหละ เป็นจุดร่วมของทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะกี่รุ่น ตั้งแต่คุณทวดเลย คุณปู่คุณย่า คุณพ่อคุณแม่ ลูกหลานเหลนโหลนทุกรุ่น เพราะเรื่องธรรมะเป็นเรื่องสากลที่เข้ากับทุกวัย
ติดจานดาวธรรมเข้าแล้วละก็ คุณปู่คุณย่าอยู่ต่างจังหวัด ก็ดูจานดาวธรรม คุณพ่อคุณแม่ หรือว่าลูกหลานอยู่กรุงเทพฯ ก็ดูจานดาวธรรม พ่อแม่กลับมาบ้านก็สามารถคุยกันได้ด้วยเรื่องธรรมะ ซึ่งเป็นเรื่องที่สากล ทันสมัยเสมอ รายการวันนี้พุทธประวัติไปถึงไหนแล้ว หรือว่าอนาถบิณฑิกเศรษฐี วิสาขามหาอุบาสิกา เป็นอย่างไรกันบ้างเรื่องราวธรรมะที่น่าสนใจก็นำมาเล่าสู่กันฟังได้ แล้วเรื่องธรรมะนี่แปลก ยิ่งคุยใจยิ่งสว่าง ยิ่งคุยใจยิ่งสบาย ยิ่งคุยยิ่งมีความสุข ทั้งครอบครัวพ่อแม่ลูก คุยกันเพลินมีความสุข ลูกๆก็เป็นเด็กดี พ่อแม่ก็สบายใจ ถึงคราวไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่า ที่ต่างจังหวัดเอาเรื่องธรรมะมาคุยกัน หัวเรื่องตรงกันหมดเลย
ถ้าทำได้อย่างนี้ การเยี่ยมเยียนจะไม่ได้เกิดขึ้นแต่เพียงช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น แต่แม้เวลาอื่น คิดถึงกันเมื่อไรแค่ยกหูโทรศัพท์กริ๊งเดียว เป็นอย่างไรบ้างคะคุณปู่ คุณย่า เรื่องนั้นได้ดูหรือเปล่า เมื่อวานหลวงพ่อเพิ่งสอนนะคะ หนูได้ดูดีจังเลย เชียร์กันไปเล่ากันมา ต่างคนต่างก็สอนกันในเรื่องธรรมะ ทุกคนก็จะมีจุดร่วมเดียวกันความเหงาจะหมดไป ป่ ย่า ตา ยาย อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่เหงา รู้สึกว่าขณะที่ตัวเองดูเรื่องราวธรรมะต่างๆ ผ่านจานดาวธรรม ลูกหลานที่อยู่ในกรุงเทพฯ เขาก็ดูเหมือนกัน คิดถึงก็โทรศัพท์ถึงกันทางนี้โทรไป ทางกรุงเทพฯโทรมา ก็มีเรื่องคุยกันได้ตลอด ซึ่งคุยแล้วเป็นเรื่องที่สบายใจด้วย ทั้งครอบครัว แม้อยู่ไกลก็จะเหมือนอยู่ใกล้ จากครอบครัวที่เขาเรียกว่าครอบครัวเดี่ยว มีแค่พ่อแม่ลูก ก็จะกลายเป็นครอบครัวใหญ่ขึ้นมาได้โดยผ่านเครือข่ายการสื่อสาร
เดี๋ยวนี้เขามีศัพท์ใหม่ว่า ไซเบอร์สเปซ (cyberspace) หมายถึงโลกเสมือนที่อยู่ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ คนอยู่ไกลคนละที่ก็มานั่งคุยกันได้ ในห้อง chat room อีเมลล์ก็คุยกันก็ได้ ติดต่อสื่อสารกันในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้ จึงเหมือนกับโลกจำลองอีกโลกหนึ่ง ถ้าหากว่าเขามีไซเบอร์สเปซอย่างนั้นได้ ทำไมเราจะมาสร้างครอบครัวใหญ่อยู่ในโลกไซเบอร์สเปซไม่ได้ ไม่จำกัดเฉพาะอินเทอร์เน็ตอย่างเดียว แม้แต่ในเครือข่ายการสื่อสารด้านอื่น เช่น ดาวเทียม ก็ทำได้เช่นกัน เพราะนั่งดูรายการธรรมะผ่านจานดาวเทียมนี่ เราจะนั่งที่กรุงเทพฯ คุณพ่อ คุณแม่ คุณตา คุณยาย นั่งดูอยู่ที่ต่างจังหวัดหรือว่านั่งอยู่ในบ้านหลังเดียวกันแต่คนละห้อง ก็ได้ชมเรื่องราวเท่ากัน ธรรมะที่ถ่ายทอดผ่านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็ไปทุกที่ทั่วโลกด้วยความเร็วแสง ดังนั้น สายใยธรรมะที่แน่นเหนียว อบอุ่นก็จะร้อยทุกๆดวงใจของทุกคนในครอบครัวเข้าด้วยกัน ให้เป็นครอบครัวใหญ่ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เป็นครอบครัวที่อบอุ่นสว่างไสว ด้วยแสงแห่งธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และจะได้ช่วยกันนำแสงแห่งธรรมนี้เผื่อแผ่ไปรอบๆตัวเรา เพื่อนฝูง ญาติ มิตร คนรู้จักให้ขยายกว้างออกไป เราก็จะเป็นไม่ใช่เพียงครอบครัวใหญ่อย่างเดียว แต่เป็นชุมชนใหญ่ เป็นชุมชนที่มีกิจกรรมร่วมกัน เอื้ออาทรกัน พร้อมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน อยู่ในเมืองใหญ่ ไม่ใช่แค่ตึกรามบ้านช่องแต่ใหญ่ด้วยน้ำใจด้วยแล้วผู้คนในโลกจะอยู่ที่ประเทศไหนๆ ก็ตาม สามารถหลอมรวมเป็นชุมชนใหญ่เป็นชุมชนโลก ด้วยธรรมะขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
----------------------------------------------------------------------------------
หนังสือ " ทันโลกทันธรรม 1 "
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ