มองบวก คิดบวก
ในยุคสมัยที่ราชวงศ์ฮั่นปกครองประเทศจีนนั้นประเทศจีนมีความรุ่งเรืองมาก การที่คนจีนเรียกตัวเองว่าชาวฮั่น ก็เพราะมีความรู้สึกภูมิใจว่าตนเป็นคนของราชวงศ์ฮั่น และการที่อักษรจีนปัจจุบันเรียกว่า ฮั่นจื้อ ก็หมายถึงเป็นอักษรของราชวงศ์ฮั่นนั่นเอง
ปฐมกษัตริย์ ของราชวงศ์ฮั่นพระนามว่า พระเจ้าฮั่นโกโจ ทรงมีแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งชื่อว่า ฮั่นสิน มีความเก่งกาจสามารถในการคุมทัพออกรบ และเป็นกำลังสำคัญในการสถาปนาราชวงศ์ฮั่น จึงนับเป็นบุคคลสำคัญผู้หนึ่ง ในประวัติศาสตร์จีนทีเดียวแต่ใครจะรู้บ้างว่าในอดีตฮั่นสินคนนี้ เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ที่เคยถูกอันธพาลรังแก ในครั้งนั้น มีอยู่วันหนึ่งอันธพาลประจำเมืองสั่งให้ฮั่นสินคุกเข่าลง และให้คลานลอดหว่างขาของตน ตามธรรมเนียมของจีนนั้นถือว่า หัวเข่าของชายชาตรีมีคุณค่ายิ่งกว่าทองคำ ฮั่นสินทั้งต้องคุกเข่า ทั้งต้องคลานลอดหว่างขาของคนอันธพาล ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะเย้ย สร้างความอับอายให้กับฮั่นสินยิ่งนัก
การสูญเสียศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายในครั้งนั้น ทำให้นับแต่นั้นเป็นต้นมา ฮั่นสินได้มุ่งมั่นฝึกปรือวิทยายุทธและฝึกฝนความสามารถทางการรบในทุกๆด้าน อาศัยเหตุการณ์ที่น่าอัปยศในครั้งนั้นเป็นแรงผลักดัน จนกระทั่งสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแม่ทัพใหญ่ของพระเจ้าฮั่นโกโจ ได้รับมอบหมายให้คุมทัพออกรบ และสถาปนาราชวงศ์ฮั่นได้สำเร็จ
เมื่อชนะศึกทุกด้านแล้ว แม่ทัพใหญ่ฮั่นสินได้กลับไปยังเมืองที่ตนเคยอยู่แล้วสั่งให้ทหารไปนำตัวอันธพาลประจำเมืองมา เมื่ออันธพาลผู้นั้นถูกนำตัวมาถึงแทนที่ฮั่นสินจะลงโทษให้สาสม แต่เขากลับมอบรางวัลให้อันธพาล พร้อมทั้งกล่าวขอบใจว่า ถ้าไม่มีเหตุการณ์ที่เขาถูกเหยียดหยามในครั้งนั้น ก็คงไม่มีแม่ทัพใหญ่ฮั่นสินในวันนี้ เขาคงยังเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่มีชีวิตธรรมดาสามัญ และจบชีวิตในชาตินี้ไปอย่างเงียบๆ
เหตุการณ์ร้ายๆในชีวิต อาจทำให้บางคนท้อแท้หมดอาลัยตายอยากในชีวิต หรือเฝ้าแต่คิดว่าตนช่างเป็นคนโชคร้ายเหลือเกิน ในขณะที่บางคนกลับมองเหตุการณ์เหล่านั้น เป็นพลังขับเคลื่นในการพัฒนาตนเองอย่างจริงจัง จนสามารถประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ นี่คือ พลานุภาพของการมองบวก คิดบวก หากเปรียบชีวิตเราดุจเรือที่แล่นไปในมหาสมุทรเมื่อกระแสลมพัดมา เราย่อมไม่อาจเปลี่ยนทิศของลมได้ แต่สิ่งที่เราทำได้ก็คือ การปรับใบเรือของเราแทนที่จะปล่อยให้เรือแล่นไปตามยถากรรม นักเดินเรือที่ชาญฉลาด และมุ่งมั่นที่จะเดินเรือไปให้ถึงจุดหมาย แม้ต้องแล่นเรือทวนกระแสลม เขาย่อมจะปรับใบเรือของตน พยายามควบคุมเรือให้แล่นเฉียงไปมาแบบสลับฟันปลา แล้วอศัยแรงลมนี้ ส่งเรือให้แล่นไปในทิศที่ต้องการ
ชีวิตของเราก็เช่นกัน เราไม่อาจบังคับเหตุการณ์ต่างๆ ให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ ไม่อาจสั่งให้ใครเป็นอย่างที่เราพอใจ แต่เราสามารถปรับใจของเราได้ โดยเราจะอาศัยสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา เป็นพลังในการขับเคลื่อนนาวาชีวิตลำนี้ ไปสู่เป้าหมาย หรือความสำเร็จที่เราต้องการ เราทุกคนต่างเวียนว่ายตายเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน เราย่อมเคยสร้างบุญไว้ไม่น้อย ขณะเดียวกันเราก็ย่อมสร้างบาปไว้ไม่น้อยเช่นเดียวกัน เพียงแต่การที่บุญหรือบาปจะส่งผลเมื่อใดนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจของเรา
เมื่อใดที่เราคิดบวก เราก็มีกำลังใจ อีกทั้งใจที่ใสสว่างจะเหนี่ยวนำบุญให้ส่งผลเสริมแรงกัน ให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆได้ แต่ถ้าเราคิดลบใจก็หดหู่ และเหนี่ยวนำบาปอกุศลให้ส่งผลซ้ำเติมชีวิตก็ยิ่งย่ำแย่เศร้าหมอง เพราะฉะนั้นจากนี้ไปจะเกิดเหตุการณ์ใดกับเราก็ตาม จะหนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม ขอให้มองบวกคิดบวกเสมอ แล้วเราจะเป็นคนหนึ่งที่มองโลกก็สดสวย จะทำอะไรก็สดใส และประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต
----------------------------------------------------------------------------------
หนังสือ " ทันโลกทันธรรม 5 "
พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ