พุทธภาษิตสอนใจ
กิเลส เปรียบเหมือนดังไฟ
คนเราเวลาโกรธ หรือเวลาโลภ หรือหลงผิดบางอย่างมากๆ จิตใจจะกระวนกระวาย ร้อนรุ่มเหมือนดังไฟเผาใจ จนไม่อาจจะหักห้ามได้ จนทำให้เสีย ความเป็นตัวของตัวเอง โดยเฉพาะเวลาโกรธ เหมือนไฟขึ้นหน้าเลย ซึ่งในความเป็นจริงมันคือ กิเลสที่ครอบงำ หรือรัดรึงจิตใจ จนเกิดความเร่าร้อน จนแสดงออกทางกาย ทางวาจา และทางใจ
พระพุทธเจ้า ทรงเปรียบกิเลส เหมือนดังไฟ ที่คอยแผดเผาจิตใจ ให้เร่าร้อน ดังพุทธพจน์ว่า “อิเม โข ภิกฺขเว ตโย อคฺคีติ แปลว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฟ ๓ กองนี้คือ
(๑) ราคคฺคิ ทหติ มจฺเจ รตฺเต กาเมสุ มุจฉิเต แปลว่า ไฟ คือ ราคะ ย่อมเผาเผลาญผู้มีกำหนัดแล้ว ผู้หมกมุ่นอยู่แล้วในกามทั้งหลาย
(๒) โทสคฺคิ ปน พฺยาปนฺเน นเร ปาณาติปาติโน แปลว่า ไฟ คือ ความโกรธ ย่อมเผาผลาญนรชนทั้งหลาย ผู้พยาบาท ซึ่งชอบฆ่าหรือทำร้ายสัตว์
(๓) โมหคฺคิ ปน สมฺมุฬฺเห อริยธมฺเม อโกวิเท แปลว่า ส่วนไฟ คือ โมหะ ย่อมเผาผลาญนรชนทั้งหลาย ผู้หลงงมงาย ซึ่งไม่ฉลาดในอริยธรรม"
เราลองใช้สติปัญญา พิจารณาถึงความเป็นจริง เวลาอาการของกิเลสเหล่านี้ เกิดขึ้น เหมือนไฟจริง ๆ ทำได้ทุกอย่าง หรือไหม้ทุกอย่าง และดับยากด้วย
ดังนั้น ไฟคือ ของร้อน หากอยู่ให้ห่างเชื้อได้ ก็เป็นการดี หรือหมั่นฝึกดับไฟในจิตใจ ให้เย็นลงด้วยการฝึกสมาธิ เพื่อให้เกิด “สติ และปัญญา” นั่นเอง