พุทธภาษิตสอนใจ
โลภะ หรือความโลภ
คือ ทะยานความอยากได้ เป็นกิเลสประการแรก เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทำให้จิตหิวโหยอยากได้ เกิดความดิ้นรน อยู่ไม่เป็นสุข หากหยุดยั้งไม่ได้ จะเป็นต้นเหตุให้ดิ้นรนแสวงหา สิ่งที่อยากได้มาสนองความต้องการ หรือเมื่อไม่ได้โดยวิธีชอบธรรม ก็นำให้ไปทำความชั่วต่างๆ เช่น ลักขโมย ทุจริต คอรัปชั่น โกง ปล้น จนถึงฆ่าคนตาย (ข้อมูลจากสารานุกรมเสรี)
ความโลภ เป็นอกุศลธรรม ที่ทำลายศีลธรรม ทำให้คนผิดศีลข้อ ๒, ทำลายนิสัยวัฒนธรรม ทำให้คนเห็นแก่ตัว, ทำลายหลักสามัคคีธรรม ทำให้สังคมแตกแยก จึงถือว่าเป็นอันตราย แก่ธรรมทั้งหลาย ดังพุทธภาษิตที่ว่า “โลโภ ธมฺมานํ ปริปนฺโถ แปลว่า ความโลภ เป็นอันตรายแห่งธรรมทั้งหลาย”
ธรรมะ ที่จะใช้สู้กับความโลภได้ก็คือ ทาน (การให้) และ จาคะ (การเสียสละ) หากธรรมะทั้งสองนี้อยู่ ความโลภก็อยู่ไม่ได้ แต่หากความโลภอยู่ ธรรมะทั้งสองนี้ ก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน ความโลภ ไม่ได้ทำให้จิตใจเราอยู่เป็นสุข เป็นกิเลสที่ทำให้คนตาบอด เห็นผิดเป็นถูก เห็นถูกเป็นผิด ดังพุทธภาษิตที่ว่า “อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โลโภ สหเต นรํ แปลว่า ความโลภ เข้าครอบงำคนใดเมื่อใด ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น”
ดังนั้น จึงควรฝึกจิต ให้รู้จักให้ และรู้จักเสียสละ เพื่อจะได้ทำลายความโลภ ซึ่งเป็นต้นตอของความทุกข์ ให้หมดไปจากจิตใจ พบความสุขสดใสตลอดไป