ชาดก 500 ชาติ
มหากัณหชาดก-ชาดกว่าด้วยคราวที่สุนัขดำกินคน
อันพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โปรดสัตว์โลกนั้นนับเป็นคุณอันมหาศาลนัก กาลหนึ่งในพุทธกาลสมัยในธรรมสภา ได้พรรณนาถึงพระคุณดังนี้ขึ้น
ตั้งแต่พระพุทธศาสดาทรงตรัสรู้บรรลุสัมโพธิญาณ แสดงพระธัมมจักกัปวัตนสูตรแก่พระปัญจวัคคีย์ แสดงอาทิตตปริยายสูตรโปรดชฏิล 3_พี่น้อง โปรดองคุลิมาล คนบาปจนตั้งอยู่ในอรหัตผล เสด็จโปรดเหล่าเทวดา 80 โกฏิจนบรรลุธรรม
ประทานสรณะและศีลแก่สุชนทั่วแผ่นดินโลก จรม้า เหล่านาคและครุฑก็ยังได้รับพระกรุณา เมื่อทรงสดับคำสรรเสริญของเหล่าภิกษุสงฆ์ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่ตถาคตจะบรรลุอภิสัมโพธิญาณแล้ว ถึงกระทำตนเป็นประโยชน์แก่สัตว์โลก ในกาลก่อนแม้ยังมีกิเลสอยู่ก็ยังกระทำการเป็นประโยชน์แก่มหาชนมาแล้วเหมือนกัน”
พระองค์ทรงตรัสเล่าอดีตชาติในชาติหนึ่ง ซึ่งทรงเสวยพระชาติเป็นท้าวสักกเทวราช อดีตนิทานในพระชาตินั้นคือ มหากัณหชาดกซึ่งในยุคนั้นแผ่นดินพระศาสนาอยู่ในปลายสุดแห่งพุทธสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
เมื่อพระกัสสปพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว จนกาลเวลาล่วงมานาน ศาสนาก็เสื่อมถอยลง ภิกษุทั้งหลายทยอยกันออกไปจากพระศาสนาด้วยวิธีการต่างๆ ความเข้มแข็งในพระธรรมวินัยย่อหย่อน ภิกษุจำนวนมากมิได้ลึกซึ้งในบทพระธรรมอีกต่อไป
“ดูสิจ๊ะ พี่จ๋า ภิกษุรูปนั้นน่ะ เขาคงไม่ได้สัมผัสความสุขอย่างเราหรอกเนอะ” “นั่นนะสิ บวชอยู่อย่างนั้น จะมีน้องนางที่ไหนมารักมาเอาใจ” ดังนั้นแทบไม่ต้องกล่าวถึงพฤติกรรมของผู้คนทั้งหลาย เพราะต่างก็พากันประพฤติผิดศีลกันถ้วนหน้า ทั้งสุราเมรัยและกิเลสกาม “มามะ น้องสาว มานั่งใกล้ๆ พี่ เดี๋ยวพี่จะเอากำไลวงงามนี้เป็นรางวัล”
ทั้งการปล้นชิงทรัพย์ การฆ่ามนุษย์ด้วยกัน เพียงเพื่อสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น “ฮึๆๆๆ วันนี้ปล้นได้เยอะเลยเรา สบายจริงๆ ไม่ต้องออกแรงมากมาย ก็ได้เงินทองเยอะแยะเลย ฮ่าๆๆๆ” สาธุชนคนดีที่ยังพอมีเหลือชีวิตอยู่ ก็คล้ายกับตายทั้งเป็น เพราะบ้านเมืองเวลานั้นอยู่ในขั้นกลียุค
“อย่าทำอะไรพวกเราเลย อยากได้อะไรก็เอาไปเถอะ อย่าทำร้ายลูกเมียชั้นเลยนะ ขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรเลยนะพ่อคุณ” “ใจคอทำด้วยอะไรน่ะ ทำไมช่างใจร้ายนัก” ผู้คนยื้อแย่งแบ่งฝ่ายกันเอาชนะ เข่นฆ่าล้างผลาญผู้ที่ไม่ใช่ฝ่ายตนอย่างไม่กลัวบาปกรรม
“เอ้ย พวกเราลุยเว้ย พวกนั้นมันบังอาจมาคิดขัดแย้งกับพวกเรา มันต้องทำลาย เฮ้ย” “ใช่ จัดการให้หมด พวกที่ไม่เห็นด้วยกับเราเนี่ย ขวางทางเจริญ” แม้แต่เหล่าบัณฑิตก็พากันเสื่อมถอยสติปัญญา ลุกขึ้นมาฆ่าฟันรักษาพวกพ้อง และพากันถือเอาอัตตาของตนเป็นใหญ่
ศีลธรรมเวลานั้นสิ้นไร้ ไม่มีเหลือ ผู้คนก็พากันล้มหายตายจากกันไปอย่างรวดเร็ว “นั่นไง พวกนั้นมันมาแล้ว หน๋อย! คิดจะจัดการกับพวกเรา มันไม่ง่ายไปหน่อยมั้ง” “พวกมันน่ะ หาว่าที่พวกเราคิดผิดน่ะ พวกมันนั่นแหละที่เชื่อกันผิดๆ ”
แต่บนห้วงสวรรค์อันเป็นที่สุคติของเทพบุตร ซึ่งจุติจากการดับขันธ์ของคนดีกลับกลายเป็นสวรรค์ว่าง ท้าวสักกเทวราช ไม่เห็นเทพบุตรใหม่จุติขึ้นก็เล็งเห็นถึงสาเหตุ “โอ้! ความเสื่อมโทรมลงของพระศาสนานั้นเอง ชนทั้งหลายน่ะจึงขาดสิ่งยึดเหนี่ยวให้เกรงต่อบาป ฮื้อ! อนิจจามนุษย์เอ้ย”
ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ เห็นเหล่ามนุษย์โลกตายลงแล้วไปเกิดในอบาย คือนรกขุมต่างๆ มากมาย คนเหล่านี้ผิดศีล 5_ทั้งยังข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบผู้อ่อนแอ ไร้โอกาสอยู่เป็นอาจิณ “โอ๊ะๆ โอ๊ย! ทรมานเหลือเกิน โอ๊ย! ” องค์อัมรินทราเทพจึงทรงตกลงพระทัยจะแสดงปาฏิหาริย์ให้มนุษย์โลกเกรงกลัวต่อความชั่ว
“ลงไปจัดการความชั่วเบื้องล่างกันเถอะ มาตุลี เธอจงแปลงกายเป็นสุนัขอสูรอันน่ากลัวเถิด มาตุลี เราจะกลายร่างเป็นพรานล่ามนุษย์ ควบคุมเธอลงไปยังพระนครเบื้องล่างนั่น” “ตามพระประสงค์ พระเจ้าค่ะ”
แล้วบัดนั้น เมื่อวิมานของท้าวสักกเทวราชก็บังเกิดร่างของสุนัขอสูรขึ้นอย่างน่ากลัว ร่างนั้นกำยำดำปลอด โตเท่าม้าพ่วงที่ตัวใหญ่ เขี้ยวแยกแสยะเท่าผลกล้วย ท่าทางกระหายเลือดนั้น ถูกดึงรั้งไว้ด้วยเชือกคล้องคอเส้นหนึ่ง ปลายเชือกคือร่างใหญ่โตกว่าของมหาเทพอัมรินทร์หรือท้าวสักกเทวราชนั่นเอง ทรงแปลงร่างเป็นพรานล่าชีวิตในชุดแดงเพลิง คาดผ้าแดงตามวิธีของพราน
“ไปทำให้มนุษย์กลัวความชั่วกันเถิด มาตุลี เฮอะๆๆๆ ” แผ่นดินเบื้องล่างนั้น ทุรยุค เป็นแผ่นดินพาราณสีในสมัยของพระเจ้าอุสสินนรราชผู้นำที่ไม่อาจกำจัดความชั่วร้ายให้พ้นไปจากประชากรได้เลย “แผ่นดินร้อนเป็นไฟ เราจะจัดการกับคนชั่วเหล่านี้ยังไงดีนะ ปัญหานี้มันช่างหนักจริงๆ”
เมื่อมีสิ่งน่ากลัวลงมาจากฟ้าในเวลานั้น เสียงสะเทือนเลือนลั่นก็พลันบังเกิดขึ้น “ฆ่าคนชั่ว ฆ่าคนไม่มีศีล ฮ่าๆๆๆ” ร่างยักษ์ทั้งพรานถืออาวุธและสุนัขอสูรผิวดำ เหาะลงมาบนกำแพงหน้าพระตำหนักพระราชา “เราจะฆ่าคนให้หมดเมือง แล้วเอาเนื้อให้สุนัขกิน” “โอ้ เช่นนั้นก็รอก่อนเถิด ถ้าสุนัขของท่านหิว เราก็จะให้อาหารในพระราชวังทั้งหมดแก่สุนัขของท่าน”
พระเจ้าอุสสินเข้าพระทัยตามวิสัยผู้ครอบครองว่า พรานและสุนัขยักษ์ใหญ่กำลังหิวอาหาร แต่ครั้นนำข้าวปลาทั้งหมดของพระราชวังมาให้แล้วก็ยังไม่เพียงพอ และครั้นได้ฤกษ์เวลา ทั้งท้าวสักกเทวราชและมาตุลีราชบุตรจำแลงก็ส่งเสียงดังสะท้านแผ่นดิน เสียงนี้สะเทือนทั้งสกลจักรวาล ชนิดที่มนุษย์ไม่เคยได้ยินมาก่อน
“ฆ่าให้หมด เอาเนื้อมันมากิน” ทุกชีวิตในรัศมี 100 โยชน์ ไม่อาจฟังด้วยโสตประสาทได้ ผู้มีบุญน้อยทำชั่วมาก ถึงกับเสียชีวิต แม้พระราชาผู้มีบุญญาธิการยังมิอาจทนทานได้ “โอ่ย หยุดๆ เถิด ท่านต้องการเลือดเนื้อสิ่งใด ก็บอกเรามาเถิด เราจะจัดหามาให้”
“ฮ่าๆๆๆ สุนัขของเราจักกินเนื้อคนที่เป็นศัตรูของเราเท่านั้น” “แล้วศัตรูของท่านล่ะ เขาเป็นคนเช่นไร เราจะนำตัวมันมาให้ท่านเดี๋ยวนี้” “พวกมันก็คือ คนชั่ว คนโลภ คนไม่มีคุณธรรม ผิดข้อปาณา ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ผิดข้อกาเม พูดเท็จ ส่อเสียด ยุแยง เสพของมึนเมาและคนอกตัญญูไม่รู้บุญคุณ อีกทั้งนักบวชทุศีล หลอกปลดความทุกข์โศกแก่ผู้คน แลกค่าจ้าง ก็ล้วนต้องเป็นอาหารแก่สุนัขเรา”
เสียงประกาศของพรานจำแลงกายดังแทรกไปยังทุกอณูอากาศ เหล่าคนชั่วที่ยังเหลืออยู่ได้เพราะมีอำนาจกำจัดผู้อื่นได้ยินกันถ้วนหน้า มหาเทพสักกราช เมื่อเห็นผู้คนหวาดกลัวความตายจนพอใจแล้ว ก็ค่อยๆ คืนร่างเดิม
“ดูก่อนมหาราช ต่อไปโลกนี้จะพินาศเพราะเหล่าประชาชนประมาท พากันประพฤติชั่ว ตายแล้วไปแออัดอยู่ในนรกภูมิ จงกลับตน ตั้งใจไว้ในความดีโดยไม่ประมาทเถิด พระศาสนาอันเสื่อมโทรมนี้น่ะ จักยืนไปได้อีกพันปี”
ท้าวสักกเทวราชแสดงธรรมแล้วก็พา มาตุลี กลับวิมานของพระองค์ไป แต่นั้นจนบัดนี้กาลเวลาก็ผ่านมาแล้วกว่า 1,500_ปี สมควรสะดุ้งกลัวกันได้หรือยังหน่อ มนุษย์
ในพุทธกาลสมัยนั้น มาตุลีเทพบุตร กำเนิดมาเป็น พระอานนท์
ท้าวสักกเทวราช เสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า