อรรถกถา อุจฉิฏฐภัตตชาดก
ว่าด้วย นางพราหมณีหาชายชู้
ณ พระเชตวันมหาวิหาร สถานที่ ที่พระศาสดาทรงประทับอยู่ มีภิกษุรูปหนึ่ง มาเข้าเฝ้าพร้อมกับยกล่าวว่า "ข้าพเจ้านั้นอยากจะสึก" เมื่อได้ยินดังนั้น พระองค์ทรงถามกลับว่า "เพราะเหตุใด ถึงจะลาสิกขาออกไปล่ะ" "เพราะภรรยาเก่าพระเจ้าข้า" "อย่างนั้นหรือ" พระองค์นิ่งไปชั่วครู่
ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "ดูก่อนภิกษุ หญิงนี้เป็นผู้ที่ทำความเสื่อมเสียให้กับเธอ แม้ในอดีตก็ยังให้เธอบริโภคอาหารเหลือจากชายชู้" จากนั้นทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่ามีใจความว่า
ในอดีตกาล สมัยพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้ถือกำเนิดในตระกูลฟ้อนรำที่ยากจน เที่ยวขออาหารเลี้ยงชีพไปทั่ว ใช้ชีวิตอย่างนี้ตั้งแต่เล็กจนกระทั้งเติบใหญ่
จนในวันหนึ่ง ชายหนุ่มเที่ยวเดินเตรดเต่ขอข้าวกิน ตามบ้านต่างๆ จนกระทั่งมาถึง บ้านของพราหมณีซึ่งในขณะนั้นกำลังนั่งกินข้าวกับชายผู้หนึ่งอยู่บริเวณหน้าบ้าน
เมื่อเห็นดังนัั้น ชายฟ้อนรำจึงตรงปรี่เข้าไปพร้อมกับนั่งลงกับพื้น "ท่านหญิงท่านชายที่กำลังทานอาหาร ช่วยแบ่งมาให้เราสักหน่อยได้ไหม" ชายฟ้อนรำเอ่ยขึ้น เมื่อทั้งสองได้ยินดังนั้น ฝ่ายหญิงสาวตอบว่า "ข้าไม่ให้ข้าวกับเจ้าหรอก รีบไสหัวออกไปซ้ะ เก๊ะกะลูกกะตาจริงๆ" เมื่อชายฟ้อนรำได้ยินอย่างนั้น ก็นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆถ่อยห่างออกมา
เหมือนฟ้าเล่นตลก ขณะพราหมณ์หนุ่มผู้เป็นสามี กำลังเดินเข้ามาพอดี แต่หญิงสาวเห็นสะก่อน เจ้าตัวเอ่ยด้วยท่าทีละล่ำละลัก "ทะ..ทะ..ท่านพี่ รีบไปซ่อนตัวในยุ่งข้าวเร็ว สามีน้องมา! " ด้านชายชู้นั้นไม่รอให้ฝ่ายหญิงพูดจบ ก็รีบตรงดิ่งไปสถานที่เป้าหมายทันที
ฝ่ายหญิงสาว รีบทำลายหลักฐานตักข้าเข้าปากอีกสองสามคำ แล้วเอาส่วนที่เหลือ "เร็วเซ่ๆๆ เดี๋ยวก็โดนจับได้กันพอดี" ความรีบร้อนพุ่งพรวดเข้ามาในหัวเต็มไปหมด หญิงสาวเทกลับไปดังเดิม พร้อมทั้งใช้มือพลิกข้าวก้นหม้อให้มาอยู่ด้านหน้าแทน
ครั้นเมื่อผู้เป็นสามี มาถึงบ้านกำลังจะกินข้าวแต่พบความผิดปกติขึ้น คือข้าวก้นหม้อ นั้นเย็นชืด แต่ด้านบนนั้นร้อนราวกับข้าวที่หุงใหม่ ความคิดแว้บเข้ามาในหัวพราหมณ์หนุ่มผู้นั้นทันที ข้าวนี้คงเหลือจากคนอื่นแน่ จึงได้เอ่ยถามกับภรรยาตน "น้องหญิง ปกติข้าวที่คดข้างบนควรจะเย็น ข้างล่างควรจะร้อน แต่นี่ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเหตุไรกัน"
แต่แทนที่เจ้าตัวคนถามจะได้คำตอบจากภรรยา กลับตรงกันข้าม มีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น เจ้าตัวยังคงพยายามถามแล้วถามเล่า แต่ไม่มีคำตอบใดๆ หลุดออกจากปากของนางแม้แต่น้อย
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ก็มีเสียงชายขับร้องเพลงดังขึ้น "เออ เอ่อ เอ่ย ชะเอิงเอย วันนี้ข้ามีเรื่องมาเล่า เป็นเรื่องครั้งเก่า เมื่อไม่นานมานี้ มีหญิงชั่วตัวดีที่มีสามี แต่โชคไม่ดี แอบมากิ๊กนั้งกินข้าว คั่วชู้รัก แต่สักพักผัวกลับมา จึงให้ชายชั่วช้า หนีเข้ายุ่งไป " เพลงถูกขับร้องเป็นท่วงทำนอง วนไปมา
"ท่านจงจับมวยผมของชายชู้ผู้นั้น แล้วโบยนำออกจากยุ้ง จงสั่งสอนเขาไม่ให้กระทำอย่างนี้อีก" เมื่อพระโพธิสัตว์กล่าวจบก็หลีกไป พราหมณ์ก็สั่งสอนคนทั้งสองไม่ให้ทำความชั่วเช่นนี้อีกด้วยการขู่และตบตี เสร็จแล้วก็ไป
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม ทรงประชุมชาดก. เมื่อจบสัจธรรม ภิกษุกระสันตั้งอยู่ในโสดาบัน
พราหมณีในครั้งนั้น ได้เป็นภรรยาเก่าในครั้งนี้
พราหมณ์ได้เป็น ภิกษุกระสัน
ส่วนบุตรคนฟ้อนรำคือ เราตถาคต นี้แล.