เรื่องที่ ๑๓ อานุภาพศักดิ์สิทธิ์จากใจสู่ใจ
คุณจักรี พิทยานุคุณ เล่าเรื่องไว้ว่า ในครอบครัวของคุณจักรี มีคุณแม่เพียงคนเดียว ที่ทำบุญสร้างพระที่แกนกลางมหาธรรมกายเจดีย์ และได้รับพระของขวัญมหาสิริราชธาตุ แต่ทุกคนในบ้านรู้ว่า คุณแม่รักและเป็นห่วงสมาชิกครอบครัวทุกคน ถ้าจะอธิษฐานให้เกิดสิ่งดีๆ อะไรก็ตาม ต้องขอเผื่อให้ทุกคนแน่นอน กระแสบุญนั้นย่อมสื่อถึงกันได้
วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๑ แม้จะเป็นวันหยุดราชการ คุณจักรีเดินทางไปที่ทำงาน เพื่อเตรียมการสอนในวันรุ่งขึ้น พบเพื่อนรุ่นพี่ผู้หนึ่ง ได้ปรารภถึงความหมดหวังในการขอกู้เงินของตนเองให้เพื่อนฟังว่า คงไม่ได้รับอนุมัติ เพราะมีคนอีก ๒ คนยื่นเรื่องตัดหน้าไปก่อน ทางสมาคม (ของที่ทำงาน) คงต้องให้ก่อน
ต่อจากนั้นก็คุยกันเรื่องอื่น โดยเฉพาะวันนั้นเป็นวันแม่ จึงคุยกันเรื่องแม่ คุยแล้วคุณจักรีก็คิดถึงแม่่ของตนเอง ทำให้คิดต่อไปถึงพระมหาสิริราชธาตุของท่าน นึกอาราธนาบุญศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ขอพรให้ตนเองสามารถกู้เงินครั้งนี้สำเร็จ สักครู่ เพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้กู้เงินในอันดับก่อนคุณจักรีทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องนั้น ทั้งคู่พูดกับคุณจักรีว่า "พี่ยังไม่ต้องรีบใช้เงินด่วนนัก พี่สองคนยกให้คุณกู้ได้ก่อนก็แล้วกัน"
คุณจักรีออกปากขอบคุณ พร้อมกับน้อมใจนึกขอบพระคุณเลื่อมใสศรัทธาในอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระมหาสิริราชธาตุ ทันใดนั้นมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทางร้านอัญมณีและเครื่องประดับที่พัทยา ขอทำสัญญาว่าจ้าง ๑ ปี ให้ไปช่วยดูงานด้านออกแบบให้ทางร้าน ทำให้คุณจักรีดีใจมาก จึงระลึกถึงพระคุณของพระมหาสิริราชธาตุอีกครั้ง
บ่ายวันเดียวกัน คุณจักรีขับรถไปพัทยาเพื่อไปทำสัญญากับทางร้านตามที่ติดต่อมา ไปตามทางด่วนมอเตอร์เวย์ ใช้ความเร็วสูงประมาณ ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง พอใกล้ถึงชลบุรี รถที่กำลังขับมาประสบอุบัติเหตุ ยางรถล้อหน้าซึ่งก็ยังใหม่อยู่แท้ๆ เกิดระเบิดทั้งสองเส้น รถจึงเสียการทรงตัว ถ้ามีการพลิกคว่ำทางซ้ายคงได้รับอันตรายร้ายแรง เพราะทางข้างล่างต่างระดับกันมาก ด้วยสัญชาตญาณหลบภัย คุณจักรีหักพวงมาลัยออกทางขวา ซึ่งเป็นทางรถสวนแต่ทางลาดน้อย ขณะนั้นมีรถบัสคันหนึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วสูง คุณจักรีคิดว่าอย่างไรเสียเมื่อรถของตนเองตัดหน้ากระชั้นชิดอย่างนั้น รถบัสต้องชนท้ายอย่างแน่นอน แต่เป็นเรื่องประหลาด เมื่อจอดรถตะแคงลงเรียบร้อยแล้ว ลงจากรถเห็นว่ารถไม่มีอะไรเสียหายและตนเองก็ปลอดภัยดี คุณจักรีดีใจถึงกับก้มลงกราบที่พื้นดินนึกถึงพระคุณแม่ เพราะขณะที่ประสบเหตุฉุกเฉินอยู่นั้น นึกถึงแต่ท่านตลอดเวลา
ทั้งรถของคุณจักรีและรถบัสต่างไม่มีอะไรเสียหาย สามารถขับช้าๆ ไปในเมือง หาซื้อยางเปลี่ยนใหม่แล้วเดินทางต่อไปจนถึงพัทยา กลับจากพัทยามากรุงเทพฯ ได้เรียบร้อย ก่อนเข้าบ้านแวะซื้อมาลัยดอกมะลิ ๑ พวง เพื่อกราบเท้าแม่พร้อมกับเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ทั้งบิดามารดาพากันกอดลูกไว้แน่นเหมือนปลอบขวัญให้หายตกใจ ฝ่ายพ่อพูดซ้ำๆ แต่ถ้อยคำว่า "ลูกรอดมาได้อย่างไร ลูกรอดมาได้อย่างไร"
ฝ่ายแม่พูดซ้ำแต่ถ้อยคำว่า "อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ อานุภาพพระมหาสิริราชธาตุ" แม่ของคุณจักรีบอกทุกคนว่า เวลาสวดมนต์ ทำสมาธิครั้งใด ก็จะอธิษฐานขอพรพระมหาสิริราชธาตุคุ้มครองลูกๆ ทุกคน ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล ให้บุญบารมีที่ได้กระทำมารักษาให้ทุกคนปลอดภัย แคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง ให้ประสบแต่สิ่งดีงาม
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณจักรีเชื่อมั่นว่าเป็นเพราะอานุภาพของพระของขวัญพระมหาสิริราชธาตุที่มารดามีอยู่ กระแสจิตของตนเองกับของมารดาเชื่อมเข้าด้วยกัน พลังศักดิ์สิทธิ์ของพระของขวัญส่งผลจากแม่ถึงลูกไปด้วย
ในที่สุดแม้ครอบครัวจะมีฐานะปานกลาง แต่ก็ได้สร้างพระที่แกนกลางบูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงพ่อเพิ่มอีก ๒ องค์ เป็นของบิดาและตัวคุณจักรีเอง รวมมีพระมหาสิริราชธาตุในบ้าน ๓ องค์ คุณจักรีเล่าเพิ่มเติมตอนสุดท้ายว่า
"คุณพ่อคุณแม่ของผม ไม่เคยพลาดการทำบุญที่วัดพระธรรมกายเลยสักครั้งเดียว ไม่ว่าจะมีการทำบุญใหญ่อะไรขึ้นมา ก็ขวนขวายทำได้จนครบทุกอย่างแล้วก็เก็บมาปีติในภายหลัง"