เรื่องที่ ๙๒ น้ำใจนายจ้าง
คุณศิริลักษณ์ คงศรีเจริญ อยู่เขตหนองแขม กรุงเทพฯ เล่าว่าได้มาที่วัดพระธรรมกายและได้ร่วมสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ เพราะคุณวิภาพร กิตติวงศ์วัฒนา เป็นผู้ชักชวน เนื่องจากคุณวิภาพรจะส่งงานตัดเย็บให้ทำเป็นประจำ
คุณศิริลักษณ์มีลูกจ้างอยู่คนหนึ่ง เป็นเด็กหนุ่มอายุ ๑๙ ปี ร่างกายใหญ่โต สุขภาพแข็งแรง เมื่อต้นเดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ ลูกจ้างผู้นี้มาบอกกับคุณศิริลักษณ์ว่า ไม่สบายรู้สึกแน่นหน้าอกและหายใจไม่ออก จะขอไปนอนพัก คุณศิริลักษณ์ก็อนุญาต คิดว่าป่วยจริง เพราะเป็นคนทำงานดีและทำงานอยู่ด้วยมาหลายปี เขานอนหลับตั้งแต่ ๔ โมงเช้า จนกระทั่งบ่าย ก็ยังไม่ลุก เพื่อนๆ จึงเข้าไปดู แล้วพากันตกใจ เพราะคนป่วยหน้าบวมเขียว อ้าปากค้าง ตาค้าง น้ำลายฟูมปาก ตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ไปแล้ว เพื่อนๆ ทั้งปลุกทั้งเขย่า เรียกชื่อ ก็ไม่ตื่น ไม่รู้สึกตัว พี่สาวของคนป่วยก็รีบไปเรียกแท็กซี่ พาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เวลานั้นคุณศิริลักษณ์ไม่อยู่ ติดธุระนอกบ้าน
คนป่วยอยู่ในรถแท็กซี่ ก็มีอาการกระตุกชักปากบิดเบี้ยว คนขับแท็กซี่ตกใจกลัว รีบจอดรถที่คลินิกหมอข้างทาง ขอให้เอาคนป่วยเข้าคลินิก แท็กซี่รีบขับรถหนีไม่เอาค่าจ้าง แพทย์ที่คลินิกตรวจแล้ว แจ้งว่ามีไข้สูงถึง ๔๐ องศา จึงมีอาการชัก ถ้ามาช้ากว่านี้คงช่วยอะไรไม่ได้ เมื่อปฐมพยาบาลแล้ว ทางคลินิกขอให้นำไปโรงพยาบาลโดยด่วน
เมื่อไปที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง มีแพทย์ ๔-๕ คนมารุมตรวจแล้วแจ้งว่า สงสัยจะเป็นโรคติดเชื้อในสมอง ต้องส่งเข้าห้องไอซียูของโรงพยาบาลรัฐบาล
แต่โรงพยาบาลของรัฐไม่ยอมรับตัวคนไข้ อ้างว่าเต็ม ให้ไปที่อื่น ในเวลานั้นคุณศิริลักษณ์ตามมาถึงแล้ว ได้ช่วยอ้อนวอนหมอก็ไม่สำเร็จ คุณศิริลักษณ์สงสารคนป่วยจับใจถึงกับน้ำตาไหล เพราะผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวมา ๘ ชั่วโมงแล้ว และยังไม่มีใครยอมรักษา
คุณศิริลักษณ์เอืิ้อมมือเพื่อจะไปหยิบผ้าเช็ดหน้าที่หน้ารถเพื่อจะซับน้ำตา กลับหยิบได้ภาพพระมหาสิริราชธาตุมาแทน เป็นภาพหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีพระมหาสิริราชธาตุอยู่ที่กลางท้องของท่าน ช่างบังเอิญจริงๆ ทำให้ได้สติ เธอจึงอธิษฐานจิตว่า
"ลูกขอพึ่งหลวงพ่อวัดปากน้ำ และพระมหาสิริราชธาตุ ขอให้ช่วยเด็กหนุ่มคนนี้ด้วย เขาเป็นคนดี ทำมาหากินส่งเสียครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย อย่าให้เขาเป็นอะไรไปเลย"
นับเป็นเรื่องแปลก เธอขับรถไป รถไม่ติดเลย เจอไฟเขียวทุกแยก ถึงโรงพยาบาลแห่งใหม่อย่างรวดเร็ว ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าอาการหนักมาก ต้องรับตัวไว้
คุณศิริลักษณ์รีบอธิษฐานจิตอีกครั้งขอให้หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญและพระมหาสิริราชธาตุช่วย แล้วก็สอดภาพไว้ในอกเสื้อของคนไข้
วันรุ่งขึ้นเมื่อพากันไปเยี่ยมคนป่วย ปรากฏว่าหายเป็นปลิดทิ้ง แพทย์แจ้งว่า ไม่ได้รักษาอะไรเลย เพราะตรวจแล้วไม่พบอะไร ปกติดีทุกอย่าง คนไข้ถามว่า
"ผมเป็นอะไร ทำไมต้องมาอยู่โรงพยาบาล" แพทย์ประจำโรงพยาบาล ได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาทำการตรวจเอ๊กซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
คุณศิริลักษณ์มองหาภาพหลวงพ่อ ก็เห็นวางอยู่ข้างๆ หมอนคนป่วย จึงพนมมือขอบคุณท่านทันที ทั้งหลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และพระมหาสิริราชธาตุ ได้ช่วยชีวิตให้ลูกจ้างเธอรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่
คุณศิริลักษณ์เล่าเรื่องนี้ไปร้องไห้ไป บอกว่า
"อ่านอานุภาพพระมหาสิริราชธาตุในหนังสือ ไม่ซึ้งเท่าเจอด้วยตนเอง"
รายนี้เป็นปาฏิหาริย์ค่อนข้างชัดเจน เพราะคนป่วยไม่รู้สึกตัว นึกอธิษฐานจิตด้วยตนเองไม่ได้ ผู้อื่นเป็นผู้กระทำให้ แต่กระแสพลังใจสามารถดึงดูดความศักดิ์สิทธิ์มาช่วยได้อย่างอัศจรรย์