เรื่องที่ ๔๒๒ ตายแล้ว...ไม่ใช่หรือ
น้องสะใภ้ นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ตัวดำ อ้าปากค้าง ขาแขนแข็งทื่อ รีบถามว่า “คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ”
เสียงคุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ ว่า “คนไข้หมดลมแล้ว”
คุณอิ่วเฮง แซ่ปึง
เป็นกัลยาณมิตรให้คนในครอบครัว มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง |
คุณอิ่วเฮง แซ่ปึง หนุ่มใหญ่วัยกลางคนดูเป็นคนเปิดเผย อารมณ์ดี มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา เขาและครอบครัวได้ยึดอาชีพค้าขายมาตลอด ถึงจะเหนื่อยหน่อย แต่รายได้ก็พอคุ้ม สามารถสร้างฐานะให้เป็นหลักเป็นฐานได้
ที่บ้านจะอยู่ด้วยกันในลักษณะครอบครัวใหญ่ พี่ๆ น้องๆ ช่วยกันทำการค้ามาตลอดเป็นเวลา ๒๐ กว่าปี กับการแสวงหาความสมบูรณ์ให้กับชีวิต วันนี้คุณอิ่วเฮงบอกว่าสิ่งใดที่คนในโลกยุคใหม่นี้ที่เขามีกัน คุณอิ่วเฮงก็สามารถหาสิ่งนั้นให้แก่ตนเองและครอบครัวได้ แต่ก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่มันยังขาดหายไป แล้วมันคืออะไร คำถามเริ่มผุดขึ้นมาในใจ “วงจรของชีวิตมีแค่นี้เองหรือ” ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวให้มีความสุข แล้วสิ่งใดล่ะคือหลักประกันเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้เรามีพลังต่อสู้ยามเราอ่อนล้า หรือเมื่อต้องพบเจอในสิ่งที่เราไม่พึงปรารถนา เมื่อเราถูกความชราความเจ็บป่วยและมรณภัยเข้ามาเบียดเบียน
คำถามที่เป็นปริศนาในใจของคุณอิ่วเฮง พบคำตอบเมื่อเขาได้มีโอกาสมาศึกษาหลักธรรมในพุทธศาสนาที่วัดพระธรรมกายเมื่อกลางปี พ.ศ.๒๕๔๐ ตามคำแนะนำของเพื่อน ที่นี่คือโรงเรียนสอนศีลธรรมของชาวโลก วิธีการสอนทันสมัย เข้าใจง่าย สามารถเลือกหัวข้อหลักธรรมไปปฏิบัติเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต และได้รับการสอนสมาธิอย่างง่ายๆ ทุกคนสามารถเรียนรู้พร้อมๆ กันหมดทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เมื่อใจแล่นเข้าไปพบกับความสว่างภายในแล้ว ใจจะพบความสุขที่เกิดจากความสงบ เกิดปัญญารู้ว่าความดีที่เราเพียรกระทำมานั้นไม่หายไปไหน ได้กลั่นเป็นดวงบุญใสสะอาดบริสุทธิ์ติดอยู่ที่ศูนย์กลางกายของผู้ที่เป็นเจ้าของ ยิ่งมีบุญมากเท่าใด บุญในตัวก็จะพาไปสู่สิ่งที่ดีในภพภูมิที่สูงยิ่งๆ ขึ้น เป็นผู้บันเทิงในโลกทั้งสอง ไม่ต้องหวั่นไหวในภัยชาติ ชรา และมรณภัย
รถคันที่คุณอิ่วเฮงและคุณต๋อย
นั่งไปในวันที่เกิดเหตุ |
ครอบครัวนี้อยู่ร่วมกันทั้งหมด ๑๐ กว่าคน ทั้งลูกๆ หลานๆ ปกติแล้วคุณอิ่วเฮงซึ่งเป็นพี่ชายคนโตจะเป็นหลักในการไปดูแลแผงขายผักสดทั้งสองแห่ง ที่ปากคลองตลาดและตลาดไท โดยมีน้องสะใภ้ชื่อคุณต๋อยออกไปช่วยอีกแรง ซึ่งคุณต๋อยเองค่อนข้างจะรูปร่างผอมบาง หนักแค่ ๔๐ กิโลกรัม เพราะมีโรคประจำตัวคือต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ต้องไปหาหมอประจำ กินยาควบคุมเอาไว้ไม่ให้พิษกำเริบ
เช้าวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๒ คุณอิ่วเฮงและคุณต๋อยหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จต่างก็เตรียมตัวไปปากคลองตลาดตามปกติ คุณอิ่วเฮงขับรถปิคอัพมีน้องสะใภ้นั่งไปด้วย ออกจากบ้านเวลาประมาณ ๑๐ โมงเช้า ถนนหนทางในเวลานั้นก็ดูปลอดโปร่งโล่งตลอด ขับรถกันแบบสบายๆ
มาถึงทางเลี้ยวกลับรถประชานุกูล น้องสะใภ้ก็เริ่มไอแบบถี่ๆ มากขึ้น เธอบอกว่าคันคอ คุณอิ่วเฮงมองดูที่คอก็เห็นลำคอของเธอแดงไปหมด น้องสะใภ้ไอมากเข้า ร่างที่ดูผอมเกร็งอยู่แล้ว ขดงอไปมาในรถ คุณอิ่วเฮงรู้สึกสงสารกับอาการป่วยอย่างกะทันหันอย่างไม่รู้สาเหตุ คิดว่าคงจะกินอาหารผิดสำแดงกับโรคไทรอยด์ แต่ตอนเช้าก็ไม่มีอาหารอะไรพิเศษ จะมีก็แต่เห็ดเข็มทองผัดเท่านั้น ที่เมื่อวานเพื่อนให้มาเขาบอกว่าอร่อย ลองเอาไปผัดดู เช้านี้ก็เห็นเธอกินเข้าไปด้วย คุณอิ่วเฮงเห็นน้องสะใภ้ไอจนหอบจึงแนะนำว่า “ลองจิบน้ำดูซิต๋อย เผื่อจะค่อยยังชั่ว” คุณต๋อยทำตามคำแนะนำ คว้ากระติกน้ำเย็นมาดื่มได้อึกเดียว แค่น้ำเย็นไหลผ่านลำคอเท่านั้น เธอก็เริ่มอึดอัดหายใจไม่ออก รีบบอกพี่สามีว่า “อาแปะ หนูหายใจไม่ออก” พร้อมกับอาการดิ้นทุรนทุราย คุณอิ่วเฮงตกตะลึง เพราะอาการยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิมอีก โรงพยาบาลก็ยังหาไม่พบ ไม่รู้ว่าอยู่ใกล้หรือไกล
คุณต๋อยหลังจากที่เคยตายไปแล้ว
แต่กลับฟื้นขึ้นมาด้วยอานุภาพบุญ ปัจจุบันหมั่นสวดมนต์นั่งสมาธิเป็นประจำ |
รถวิ่งมาถึงสามแยกเตาปูน ขณะที่ติดไฟแดง น้องสะใภ้ดิ้นรนต่อสู้กับความอยู่รอดพยายามหายใจเข้าปอด ตัวเริ่มคล้ำดำ อ้าปากหาอากาศ ตาเหลือกค้าง
คุณอิ่วเฮงจึงบอกให้น้องสะใภ้พึ่งพุทธคุณ โดยเฉพาะคุณอิ่วเฮงนั้นคล้องพระอยู่ที่คอถึง ๑๐ องค์ แต่ละองค์ได้มาจากการสั่งสมบุญที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นสื่อในการระลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัย และบุญที่ได้ทำมาเป็นอย่างดี เขานำพระมหาสิริราชธาตุที่คล้องอยู่มาอธิษฐานขอบารมีท่านช่วย น้องสะใภ้เองก็คล้องพระมหาสิริราชธาตุ (พิชิตมาร) ซึ่งได้มาจากการไปร่วมงานบวชอุบาสกแก้ว นำพระมหาสิริราชธาตุที่คล้องอยู่มาอธิษฐาน ขอบารมีท่านให้ช่วย น้องสะใภ้ยังพอมีสติอยู่บ้างก็คว้าองค์พระออกมาจากคอมาพนมมือได้พักเดียว มือกำพระอยู่ ตาเหลือก อ้าปากค้างมือเท้าเกร็งหมดสติไปต่อหน้า คุณอิ่วเฮงตกใจรีบขับรถไปโรงพยาบาลโดยด่วน จอดรถถามผู้คนแถวหน้าห้างสรรพสินค้าบางลำภูว่าโรงพยาบาลอยู่ที่ไหน เขาก็ชี้ให้ดูว่าอยู่ตรงข้ามนี้ไง รีบเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาล จอดรถหน้าห้องฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่รีบมารับตัวเข้าไป เมื่อถึงมือหมอ คุณอิ่วเฮงก็คลายกังวลใจ ขับรถไปหาที่จอดโชคดีได้ที่จอดใกล้ๆ แล้วรีบเดินไปดูน้องสะใภ้ที่ห้องฉุกเฉิน
ห้องพระที่คุณอิ่วเฮง ใช้สวดมนต์ทำสมาธิเป็นประจำ
|
พอไปถึงห้องฉุกเฉิน ก็เห็นร่างของน้องสะใภ้นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ตัวดำอ้าปากค้าง ขาแขนแข็งทื่อ รีบถามว่า “คนไข้เป็นยังไงบ้างครับ” เสียงคุณหมอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ ว่า “คนไข้หมดลมแล้ว” คุณอิ่วเฮงคอแห้งผากแขนขาหมดแรง รับไม่ได้ อะไรกันนี่! นั่งรถมาด้วยกันคุยกันอยู่ยังไม่ถึง ๑๐ นาที ตายแล้วหรือ คุณหมอบอกให้คุณอิ่วเฮงไปรอนอกห้อง คุณอิ่วเฮงทำตามที่คุณหมอสั่งเดินออกมาด้วยอาการช๊อค คุณอิ่วเฮงบอกว่า “ก็นั่งรถกันไปตามปกติ ใครเลยจะนึกว่าในวินาทีข้างหน้านี้จะต้องเผชิญกับความตาย ซึ่งมันไม่ได้มีเครื่องหมายบอก มันจะมาจากทางไหน รูปแบบใด ใจตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ทำไมถึงได้รวดเร็วนัก บุญกุศลที่ทำมาน่าจะช่วยเราได้” ภาพแห่งการสั่งสมความดีที่คุณอิ่วเฮงและครอบครัวได้สร้างกันมาด้วยความศรัทธามั่นทยอยกันขึ้นมาระลอกแล้วระลอกเล่า ล่าสุดกำลังปรับปรุงบ้าน เพื่อเป็นบ้านกัลยาณมิตรชักชวนหมู่ญาติมาทำความดี มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง มีความดีงามเป็นครรลองในการดำเนินชีวิต
บ้านของคุณอิ่วเฮงที่ตกแต่งใหม่
เพื่อเปิดเป็นบ้านกัลยาณมิตรที่ให้ญาติพี่น้อง มาสวดมนต์ทำสมาธิพร้อมๆ กัน |
ตายไม่ได้นะ เธอจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป คุณหมอต้องช่วยชีวิตเธอได้ คุณอิ่วเฮงรวบรวมพลังศรัทธาทำใจให้สงบนิ่งเป็นทางมาแห่งบุญกุศล นึกถึงบุญที่เคยตั้งใจทำมา ทั้งบำเพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา มีใจเอื้อเฟื้อต่อทุกๆ คน นำองค์พระทั้งหมดมาพนมมือ อธิษฐานจิตขอพระมหาสิริราชธาตุ ช่วยให้ได้ชีวิตน้องสะใภ้กลับคืนมา นึกถึงบุญที่ทำมาดีแล้ว และกำลังจะทำให้ยิ่งๆ ขึ้นไป “ขอให้น้องสะใภ้รอดเป็นอัศจรรย์ด้วย บ้านที่กำลังตกแต่งเพื่อจะเปิดบ้านกัลยาณมิตรชักชวนหมู่ญาติ และคนรู้จักมาประกอบทางมาแห่งบุญกุศลให้ได้มีที่พึ่งอันประเสริฐ ถ้าน้องสะใภ้ตายแล้วจะไปบอกไปชวนเขาได้อย่างไร ขอบุญกุศลช่วยพลิกสถานการณ์ ขอคุณหมอช่วยชีวิตคนไข้ได้ด้วยเถิด” อธิษฐานเสร็จกำลังชะเง้อดูประตูห้องฉุกเฉิน คุณหมอก็รีบออกมาเรียกให้ผู้ที่รับผิดชอบให้ไปพบ ใจก็นึกว่าคุณหมอคงจะให้ไปรับศพ คุณหมอถามว่า “ใครรับผิดชอบคนไข้ ช่วยเซ็นรับรองการรักษาหน่อย เพราะตอนนี้คนไข้หัวใจเริ่มเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว” สักครู่เขารีบเข็นเตียงคนไข้ ซึ่งมีสายห้อยระโยงระยางไปหมดย้ายไปห้อง I.C.U. โดยด่วน
บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินที่คุณอิ่วเฮงอธิษฐานจิตขอให้
พระมหาสิริราชธาตุช่วยชีวิตของน้องสะใภ้กลับคืนมา |
คุณอิ่วเฮงรีบตามไปและนั่งรออยู่ที่หน้าห้อง I.C.U. ทำใจให้สงบและนึกอธิษฐานจิตอีกครั้ง ขอพระมหาสิริราชธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ คุณครูบาอาจารย์ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ให้ท่านช่วยตลอด เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง พยาบาลเดินออกมาบอกว่า คุณหมอได้ช่วยชีวิตคนไข้พ้นขีดอันตรายแล้ว หัวใจเต้นเป็นปกติดี
น้องสะใภ้พักฟื้นอยู่โรงพยาบาลอีก ๑ สัปดาห์ ปัจจุบันแข็งแรง อ้วนกว่าเดิม น้ำหนักเพิ่มขึ้น ออกไปขายของได้ตามปกติ และในทุกเช้าวันเสาร์ เวลา ๙ โมง ทุกคนจะวางงานจากการขายของ เพื่อมาร่วมใจกันสั่งสมบุญด้วยการทำใจหยุดใจนิ่ง ให้ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่อมเกลาจิตใจให้ใสสะอาด มีพระรัตนตรัยเป็นทั้งที่พึ่งที่ระลึก การเดินทางของชีวิตนั้นยังต้องอาศัยเสบียงคือบุญไว้เป็นอันมาก
บริเวณหน้าห้อง I.C.U. ที่คุณอิ่วเฮงอธิษฐานจิตซ้ำอีกครั้ง
ภายหลังที่น้องสะใภ้เริ่มมีลมหายใจกลับมาอีกครั้ง |
คุณอิ่วเฮงพูดถึงสัจธรรมที่ตัวเองได้พบมาว่า “ยามที่มีชีวิตต้องมาเจอกับภาวะคับขันเช่นนี้ สิ่งเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ คือบุญบารมีเท่านั้นที่เอาชนะและฟันฝ่าเหตุการณ์ตรงนี้ไปได้ ทุกวันนี้ผมขอยืนยันว่าธรรมะของพระพุทธองค์นี้เป็นของแท้ เป็นของจริงให้ผลอย่างไม่มีประมาณแก่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา และนำมาประพฤติปฏิบัติ ของดีมีอยู่แล้ว อย่าไปไขว่คว้าหาสิ่งอื่นมาแทนเลยครับ”