เรื่องที่ ๔๒๓ ความซิ่ง... เป็นเหตุ
ปอเต็กตึ้งส่งเสียงมาแต่ไกล และจอดข้างเขาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รีบลงมาจากรถเข้ามายกร่าง เขากำลังจะเหวี่ยงเข้าไปในรถแบบเดียวกับที่เคยโยนคนเสียชีวิตแล้ว
ในการก่อสร้างอาคาร จำเป็นต้องมีเสาเป็นหลักค้ำจุนตัวอาคารไว้ฉันใด ในการสร้างความดีทุกชนิด ก็จำเป็นต้องมีความไม่ประมาทเป็นแกนหลักรองรับฉันนั้น” ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน หากมีสติสักนิดก็จะไม่พลั้งเผลอ พลั้งพลาดทำให้เกิดความสูญเสียตามมา ดังเหตุการณ์ที่ถ่ายทอดมาจากคุณภูศิลป์ ศราพชล ที่ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ซึ่งเป็นอุทาหรณ์ที่เกิดขึ้นเพราะความประมาทที่เป็นหนทางแห่งความสูญเสียทุกอย่าง และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาคิดว่าตนเองคงไม่รอดแล้ว แต่ด้วยจิตที่เป็นกุศลบวกกับการประกอบกุศลกรรม บุญย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม อำนาจและพลังแห่งความดี ทำให้เขารอดพ้นจากพญามัจจุราชที่พยายามช่วงชิงวิญญาณจากร่างเขา ซึ่งตัวเขาเองแทบไม่เชื่อสายตาว่ารอดมาได้อย่างไร
คุณภูศิลป์ ศราพชล
รอดพ้นจากพญามัจจุราชที่พยายามช่วงชิงวิญญาณจากร่างของเขา |
ปกติแล้วคุณภูศิลป์เป็นคนที่ชอบความเร็ว จึงได้เข้าร่วมชมรมแข่งรถกับเพื่อนๆ มานาน ๕-๖ ปีแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงแข่งเช่นเดียวกับกลุ่มเพื่อนๆ เพียงแต่คอยช่วยขับเพื่อซ้อมความเร็วเท่านั้น จึงทำให้เกิดความเคยชินกับความเร็วระดับนี้มาโดยตลอด
คุณภูศิลป์เล่าย้อนสู่อดีตเมื่อ ๒ ปี ที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์นั้นยังติดตาเหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อไม่นานนี้เอง ตอนนั้นเป็นปี พ.ศ.๒๕๔๐ ท่ามกลางรถราที่วิ่งจอแจในใจกลางกรุงเทพฯ ยามเที่ยง เขาขับรถมอเตอร์ไซค์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่น CBR 900 R ปี ๑๙๙๓ เสียงดังกระหึ่มแบบเดียวกับรถแข่งที่กำลังวิ่งแซงกันในสนามแข่งรถ มุ่งหน้าสู่ อ.เมือง จ.โคราช
คุณภูศิลป์ตั้งใจจะไปเยี่ยมเพื่อนที่นั่น เขาขับด้วยความเร็วสูงถึง ๒๔๐ ก.ม./ช.ม. ขับไปจนถึงทางระหว่างสระบุรี โคราช เป็นถนน ๔ เลนช่วงที่จะขึ้นเขาใหญ่ ขณะนั้นมองไปข้างหน้าเห็นรถสิบล้อ และรถพ่วงเทรลเลอร์สองตอนวิ่งอยู่ระยะไกล แต่เนื่องจากเขาขับรถด้วยความเร็วสูง จึงพุ่งตามไปจนกระชั้นชิด คนขับรถพ่วงดังกล่าวเข้าใจว่ามอเตอร์ไซค์คงขับไม่เร็วและคงไม่สามารถตามมาทัน รถพ่วงคันนั้นขับด้วยความเร็วประมาณ ๑๓๐-๑๔๐ ก.ม./ช.ม. จึงหักพวงมาลัยเลี้ยวขวาอย่างรวดเร็วเพื่อแซงรถสิบล้อคันที่อยู่ข้างหน้า จังหวะนั้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่คุณภูศิลป์ขับมาถึงพอดี จึงถูกรถพ่วงปาดหน้าและถูกเบียดไปทางด้านขวามือ เขาจึงตัดสินใจแตะเบรคทันทีไม่ให้ชนกับรถพ่วงและเกาะกลางถนน จึงทำให้รถเสียจังหวะ ล้อหลังสะบัดอย่างแรงเป็นแนวขวาง เกิดแรงกระชากทำให้มือเขาหลุดจากแฮนด์รถมอเตอร์ไซค์ทั้งสองข้าง เขาปล่อยตัวเองพร้อมกับรถลื่นไถลเอียงวูบไปทางขวา
สมัยก่อนที่จะเข้าวัด ขับแต่ละครั้ง
ไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ ก.ม./ช.ม. |
ขณะที่ล้อรถมอเตอร์ไซค์ด้านหลังกำลังจะถูกดูดเข้าไปใต้ท้องรถติดกับล้อรถพ่วงด้านหลังที่พร้อมจะบดทับคนและรถให้แบนติดถนน เขาคิดในใจว่า “ไม่รอดแล้ว” นึกถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำขึ้นมาทันที เพราะเขาจะคล้องหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ ที่เป็นพระผงรุ่นแรก ที่ได้ร่วมบุญสร้างพระธรรมกายที่ประดิษฐานอยู่ ณ มหาธรรมกายเจดีย์ ทันทีที่นึกถึงท่าน ทันใดนั้นก็เห็นผ้าจีวรสีเหลืองลอยมาอยู่ข้างหน้า เขารู้ทันทีว่าเป็นหลวงพ่อสดแน่นอน เพราะจำท่านได้ติดตา และรู้สึกเหมือนถูกช้อนต้นแขนข้างซ้ายขึ้น ในขณะที่รถเอียงวูบกำลังไถลตัวเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถพ่วงคันนั้น ซึ่งจะต้องถูกรถพ่วงทับหรือชนเกาะกลางถนนอย่างไม่มีทางอื่นให้เลือกได้เลย แต่รถเขากลับตั้งลำเหมือนมีคนมาช่วยประคองตัวเขาและรถให้ตั้งขึ้นมาได้ มือทั้งสองข้างสามารถจับที่แฮนด์รถ และทรงตัวได้เหมือนเดิม คนขับรถพ่วงที่เห็นเหตุการณ์โดยตลอด เพราะรถคันสูงใหญ่ เมื่อมองลงไปจะเห็นทั้งคนและรถอย่างชัดเจน ขณะนั้นคนขับรถพ่วงก็ตกใจไม่น้อย แต่ไม่อาจรู้ได้ว่ามีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นแล้วในวินาทีนั้น คนขับถึงกับยกนิ้วหัวแม่โป้งให้เหมือนกับจะพูดว่า “เออ เอ็งแน่ว่ะ” คุณภูศิลป์จึงขับแซงรถคันนั้นไปได้อย่างหวุดหวิด ด้วยความหวาดเสียวที่รอดมาได้ในนาทีวิกฤติ เขาจึงค่อยๆ ผ่อนเครื่องให้เบาลงและขับไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านเพื่อน
พอไปถึงยังไม่หายตื่นเต้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว เขารีบเล่าเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ให้เพื่อนฟัง และรู้สึกเจ็บตึงๆ เหมือนกับถูกกดอย่างแรงที่ต้นแขนซ้ายจึงถลกแขนเสื้อดูทั้งคู่ต้องประหลาดใจ เมื่อเห็นรอยนิ้วมือเป็นรอยแดงๆ ทั้ง ๕ นิ้ว เหมือนกับรอยนิ้วมือที่จับแล้วบีบอย่างแรง ๔ นิ้วกับหัวแม่โป้งในลักษณะที่ช้อนขึ้น บริเวณต้นแขนซ้าย แต่รอยนั้นก็หายไปเมื่อเขากลับมาถึงกรุง เทพฯ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เขามั่นใจมากขึ้นว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านมาช่วยให้รอดพ้นอุบัติเหตุในครั้งนี้จริงๆ
เกิดเหตุในวันที่กลับจากการถ่ายรูปให้เพื่อน
ที่ไปแข่งรถที่พัทยา |
และอีกเหตุการณ์หนึ่งซึ่งไม่น่ารอดแต่ก็รอดมาได้ เกิดขึ้นภายในปีเดียวกัน คุณภูศิลป์เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเขากลับจากถ่ายรูปให้เพื่อนที่ไปแข่งรถที่พัทยา วันนั้นกว่าทุกอย่างจะเสร็จสิ้นก็มืดแล้ว จึงฝากสัมภาระ อาทิ ขาตั้งกล้องและกล้องถ่ายรูปให้เพื่อนนำกลับไปให้ ส่วนตนเองก็รีบควบรถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพพร้อมกระเป๋าใบหนึ่งบึ่งกลับบ้านด้วยความรีบร้อนเพื่อจะได้มีเวลาพัก เพราะต้องทำงานที่บริษัทในวันรุ่งขึ้น พอขับมาถึงถนนสุขาภิบาล ๓ ประมาณเที่ยงคืน แล้วถนนเริ่มโล่งไม่ติดกันเป็นแพเหมือนช่วงเย็น จึงเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วประมาณ ๒๑๐ ก.ม./ช.ม. ขณะที่ขับลงจากสะพานสี่แยกลำสาลี มาถึงบริเวณทางแยกโอสถสภา ทันใดรถเก๋งสีดำที่อยู่ข้างหน้าก็ปาดแซงขวาเพื่อแซงรถเก๋งคันข้างหน้าอีกคันหนึ่ง ขณะนั้นเขาใช้เกียร์ ๖ จึงรีบลดเกียร์ต่ำ จนถึงเกียร์ ๑ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ และเหยียบเบรคจนตัวโก่ง เสียงดังสนั่น แต่ก็สายเกินไป รถได้พุ่งกระแทกกับท้ายรถเก๋งคันสีดำครูดไปกับตัวถังจนถึงกระโปรงหน้ารถ และเสียหลักพุ่งไปชนขอบฟุตบาท ร่างของเขาลอยละลิ่วไปไกลถึง ๑๐ กว่าเมตร ส่วนตัวรถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพยังไม่หยุดพยศแล่นไปต่อพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าอย่างแรง และกระเด็นข้ามฟากไปจอดแน่นิ่งยังอีกฝั่งถนน ส่วนตัวเขาเองนอนนิ่งหันหัวพาดไปทางถนนแผ่ร่างยาวเหยียดเหมือนคนไร้สติ จังหวะนั้นเป็นช่วงที่รถแท็กซี่ขับมาพอดี และหักหลบได้ทันท่วงทีก่อนที่จะทับร่างของเขา และเป็นความโชคดีที่สวมหมวกกันน๊อคอย่างดีที่ใช้สำหรับการแข่งรถ จึงช่วยป้องกันศีรษะกระทบกับของแข็งได้เป็นอย่างดี แต่หมวกใบนั้นก็แตกเสียหายพอสมควร
คุณภูศิลป์รู้สึกมึนงงแต่ยังไม่ถึงกับหมดสติ ได้ยินเสียงรถปอเต็กตึ้งส่งเสียงมาแต่ไกล และจอดข้างเขาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รีบลงมาจากรถเข้ามายกร่าง เขากำลังจะเหวี่ยงเข้าไปในรถแบบเดียวกับที่เคยโยนคนเสียชีวิตแล้ว พอได้สติว่าเกิดอะไรขึ้น เขารีบตะโกนออกมาสุดเสียงว่า “เฮ้ย! ยังไม่ตายนะ” เท่านั้นแหละทุกคนตกใจ พอรู้ว่ายังไม่ตายจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลรามคำแหง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
ปัจจุบันคุณภูศิลป์เลิกขับรถซิ่ง
และหันมาประพฤติปฏิบัติธรรมเป็นประจำ |
พอไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอรีบพาเข้าห้องเอ็กซเรย์ ผลการตรวจ คุณหมอบอกว่าไม่เป็นไร เขารู้สึกว่ามีรอยแผลที่หัวไหล่เท่ากับรอยเข็มมีเลือดไหลนิดหน่อย ส่วนอื่นของร่างกายไม่เป็นอะไรเลย หลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้จึงทำให้เขาเข็ดขยาดในการขับรถเร็ว ไม่กล้าใช้รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นอีกเลย เขาตระหนักถึงความไม่ประมาทในชีวิต เพราะนั่นหมายถึง ชีวิตที่จะอยู่ต่อไป เพื่อสร้างบุญสร้างบารมี เวลาแห่งชีวิตเหลือน้อยเต็มที ต้องรีบแสวงหาบุญติดตัวให้มากที่สุด คุณภูศิลป์รีบสร้างพระธรรมกายที่แกนกลางบูชาธรรมหลวงพ่อวัดปากน้ำเพิ่มอีก ๒ องค์ หลังจากที่เคยสร้างพระธรรมกายประจำตัวไปแล้วหนึ่งองค์ หลังจากนั้นเขาก็มาวัดบ่อยขึ้น ได้นั่งสมาธิและฟังธรรมมากขึ้น เขากล่าวว่า การมาวัดนี้ช่วยให้เขาขัดเกลานิสัยได้มาก จากคนที่เคยใจร้อน ไม่มีสติยั้งคิด กลายเป็นคนที่มีสติไตร่ตรอง เมื่อคิดทำสิ่งที่ไม่ดี จิตใต้สำนึกจะคอยเตือนตนเองว่าสิ่งนี้ไม่ถูก และจะคอยแย้งเขาไว้ตลอด ทำให้มีหิริโอตตัปปะคือความละอายต่อบาป นอกจากนี้ เขายังหาเวลาว่างร่วมสวดมนต์ปฏิบัติธรรมร่วมกับคนรู้จัก และเพื่อนๆ ที่เปิดบ้านกัลยาณมิตร มีความรู้สึกว่าอยากนั่งสมาธิทุกวัน และจะคอยเวียนไปตามบ้านต่างๆ จนครบ ๗ วัน
ปัจจุบันเขาได้เปิดบ้านกัลยาณมิตรเป็นของตนเอง และสวดมนต์ทำวัตรเย็นทุกวัน นั่งสมาธิทุกวันทั้งเช้า-ค่ำ และบางครั้งเมื่อมีเวลาว่างช่วงเที่ยงก็จะตรึกอยู่ในบุญบ่อยๆ เขาไม่เคยห่างหายจากการประพฤติธรรมเลย พยายามรักษาศีลให้บริสุทธิ์อย่างเต็มที่ และมั่นใจมากว่าที่เขารอดมาได้ทุกวันนี้เพราะคุณของพระรัตนตรัย และบุญกุศลที่เขาได้สร้าง ประกอบกับการประพฤติปฏิบัติธรรมที่ทำอย่างต่อเนื่อง และเป็นชาวพุทธที่มั่นคงในพระศาสนา ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ศรัทธาของเขาคลอนแคลนไปได้ ด้วยเหตุที่ประสบอานุภาพบุญช่วยตอกย้ำให้เขารีบเร่งสร้างความดี สร้างบุญบารมีมากยิ่งขึ้น