เรื่องที่ ๔๒๖ เฮงรอด... เฮงรวย
ทุกคนในครอบครัวปีติกับสิ่งที่ได้สมความปรารถนา โดยการได้เป็นประธานรองสมดั่งที่ตั้งใจอย่างอัศจรรย์
คุณจิรภา ไทยานันท์ ได้เป็นประธานรอง สมความปรารถนาอย่างอัศจรรย์
|
ใบหน้าของเธอดูอิ่มเอิบผ่องใส ดวงตาเป็นประกายฉายความหวัง และพลังแห่งความศรัทธาเชื่อมั่นที่ตนเองและสามีได้ตัดสินใจในครั้งนี้อย่างถูกต้อง ในมือยังถือจดหมายของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อ่านทบทวนอีกหลายเที่ยวพร้อมทั้งนึกปีติขนลุกชูชันทึ่งในอานุภาพบุญอย่างไม่คาดคิดว่า ผลบุญจะส่งผลรวดเร็วและทับทวีคูณขนาดนี้
ย้อนไปเมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๐ ก่อนจะได้รับจดหมายฉบับนี้ คุณขวัญชัยและคุณจิรภาพร้อมด้วยครอบครัว ได้พากันไปวัดพระธรรมกายเพื่อปวารณาตัวเป็นประธานรอง ฉลอง ๙๐ ปีทองคุณยาย เมื่อสองสามีภรรยาได้ทำในสิ่งที่ทำได้ยาก สวมหัวใจเยี่ยงบัณฑิตในกาลก่อน เพราะการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ฝังทรัพย์ไว้ดีแล้ว ทั้งสองเห็นพ้องต้องกันว่า จะตั้งใจเป็นประธานรอง ทอดกฐินร่วมสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ประจำปี พ.ศ.๒๕๔๐ โดยมีคุณยาย อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ครูบาอาจารย์ที่เคารพยิ่งของคุณขวัญชัยและคุณจิรภา เป็นประธานใหญ่ ทั้งสองจึงอยากร่วมบุญกับท่านด้วยความกตัญญู เพราะท่านคือครูผู้สืบสายธรรม ยอมอุทิศชีวิต เพื่อเผยแผ่วิชชาธรรมกายจนมาถึงยุคของพวกเรา หลังจากที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ได้สั่งไว้ก่อนมรณภาพ
จดหมายที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยส่งมา
|
|
คุณจิรภามีที่ดินอยู่ ๒ แปลง อยู่ที่บางกรวยคิดจะเปลี่ยนเป็นอริยทรัพย์ ต้องการขายแล้วนำปัจจัยมาร่วมถวายกฐิน พอดีช่วงนั้นมีหนังสือของการทางไฟฟ้าบอกว่าจะขอทำการปักเสาพาดสายไฟฟ้าแรงสูง ๕๐๐ กิโลโวลต์ ผ่านที่ของคุณจิรภา แต่ดูจากการประเมินตามที่เขาทำกัน เขาจะจ่ายค่าทดแทนเฉพาะพื้นที่ที่ทำการปักเสาให้สายไฟฟ้าผ่านเท่านั้น เพราะบริเวณที่มีกระแสไฟแรงสูงผ่านจะต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง เจ้าของที่ดินจะเข้าไปทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลย จากการไปดูผังที่เขาจะปักเสานั้นจะเข้าไปในพื้นที่ของคุณจิรภาประมาณครึ่งแปลง เขาคำนวณจ่ายค่าทดแทนไม่เกิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท คุณจิรภาจึงปรึกษากับสามีว่า มีแนวโน้มที่จะได้เงินค่าทดแทนทรัพย์สินในที่ดินของตนจากการไฟฟ้าเพียงแค่ ๓๐๐,๐๐๐-๕๐๐,๐๐๐ บาทเท่านั้น ความหวังที่จะขายที่ดินทั้ง ๒ แปลงก็หมดไป เพราะพื้นที่ในส่วนที่เหลืออยู่ใกล้กับกระแสไฟฟ้าแรงสูง ทำประโยชน์อะไรไม่ได้มากปลูกต้นไม้ใหญ่ก็ไม่ได้ คงไม่มีใครตัดสินใจซื้อ คุณจิรภาจึงถามสามีว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ยังจะตั้งใจทำบุญใหญ่อีกหรือ” คุณขวัญชัยตอบอย่างไม่หวั่นไหวคลางแคลงในบุญกุศลที่จะทำ “ไม่เปลี่ยนใจหรอก ครอบครัวของเราจะสร้างมหากุศลใหญ่นี้อย่างแน่นอน” เมื่อสามีรับปากอย่างหนักแน่นเช่นนั้น เธอจึงปรึกษากันว่าปัจจัยในส่วนที่ขาดหายไปจะหามาจากไหนดี ที่ดินก็หมดสิทธิ์ขายแล้ว จึงตกลงกันว่าทรัพย์สมบัตินี้เป็นเพียงเครื่องทำประโยชน์แค่ในภพชาตินี้เท่านั้น เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว ก็นำติดตัวไปไม่ได้ เป็นเพียงอุปกรณ์ในการทำความดีและสร้างบารมีให้มากยิ่งขึ้น จึงเห็นพ้องต้องกันว่า จะนำอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นออกขาย ต้องพอสำหรับการทำบุญประธานรองอย่างแน่นอน
โฉนดที่ดินที่ขายได้และได้เงินมาเป็นประธานรองอย่างที่ตั้งใจ
|
หลังจากการปวารณาตนเป็นต้นมา คุณจิรภาก็อธิษฐานจิตบอกหลวงพ่อวัดปากน้ำว่า “จะทำบุญนี้ขอให้มีทางมาแห่งทรัพย์อย่างเป็นอัศจรรย์” จุดธูปกลางแจ้งทุกวัน เหลืออีกเพียงสัปดาห์เดียวเหตุการณ์ก็พลิกผัน ทางการไฟฟ้าได้แจ้งการประเมินว่าเขาจะจ่ายค่าทดแทนทรัพย์สินเป็นจำนวนเงิน ๑,๙๙๕,๖๓๗.๕๐ บาท โดยทางการไฟฟ้าให้เหตุผลว่าค่าทดแทนนี้ประเมินจากที่ดินทั้งแปลง เพราะเขาเห็นว่า ถ้าปักเสาไฟฟ้าแรงสูง ก็จะเข้าไปทำประโยชน์อะไรไม่ได้ จึงประเมินให้เต็มพื้นที่ทั้ง ๒ แปลง จำนวน ๒ ไร่ที่มีอยู่ แต่พื้นที่ก็ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของคุณขวัญชัยอยู่เหมือนเดิม ซึ่งทำให้ทุกคนในครอบครัวปีติกับสิ่งที่ได้สมความปรารถนา โดยการได้เป็นประธานรองสมดั่งที่ตั้งใจอย่างอัศจรรย์
คุณจิรภาบอกว่า ยิ่งมีโอกาสนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งมีกำลังใจในการทำความดีทุกรูปแบบ รู้ว่ายังมีคุณธรรมอีกมากมายที่ตนเองจะต้องเร่งสั่งสมให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้ เพราะเมื่อทบทวนชีวิตตั้งแต่เกิดมา ตอนอยู่ในช่วงที่แสวงหาความรู้ อยากเรียน อยากมีความรู้ ก็ได้เรียน ต่อมาอยากได้รถก็ได้สมใจ มีครอบครัว มีลูกที่น่ารัก ครอบครัวก็อบอุ่น แต่ก็ยังรู้สึกว่ามีคำถามค้างคาใจอยู่ว่า “เราเกิดมาทำไม” เมื่อได้พบหมู่คณะ ได้ตั้งใจปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิมากขึ้น และศึกษาธรรมะในพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง จึงรู้เป้าหมายของชีวิตชัดเจนว่า “เราเกิดมาสร้างบารมี”
ล่าสุดเธอขวนขวายในบุญด้วยการออกไปนิมนต์พระภิกษุที่กาญจนบุรี มารับผ้าป่าทั่วประเทศครั้งที่สอง เธอเดินทางไปสมทบกับกลุ่มกัลยาณมิตรซึ่งรออยู่ที่นั่น โดยคุณจิรภาขับรถยนต์ส่วนตัวไปเอง มีน้องๆ ที่มีจุดมุ่งหมายในการสืบสานอายุพระพุทธศาสนานั่งรถไปด้วยกันรวม ๓ คน
สมุดบัญชีเงินฝากที่ได้รับการโอนเงิน
จากการขายที่ดิน |
การออกไปสร้างบารมีครั้งนี้เธอบอกว่าไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น สุดแต่คำสั่งของหมู่คณะตกลงจะให้ทำอะไร บุญจัดสรรให้เธอได้ออกไปนิมนต์พระตามวัดต่างๆ ในเขต อ.ทองผาภูมิ โดยเริ่มที่วัดเจ้าคณะอำเภอวัดแหลม ซึ่งท่านเข้าใจในเจตนาของญาติโยม เพราะเป็นปัญหาที่วัดส่วนใหญ่กำลังประสบอยู่พอดี พระเณรขาดอาหารบิณฑบาต ขาดทุนการศึกษา และเห็นดีด้วยที่คณะสงฆ์จะได้มีโอกาสไปร่วมสามัคคีธรรมกัน ทำให้เกิดภาพเกิดกำลังใจในการครองสมณเพศ พระใหม่ พระนวกะ ก็จะมีโอกาสได้กราบนมัสการชื่นชมศีลาจารวัตรของพระผู้ใหญ่ด้วย
ที่ทองผาภูมิ นิมนต์พระไว้ทั้งหมด ๖ วัด ตามกำหนดนัดทุกวัดต้องออกเดินทางตี ๒ แต่ปรากฏว่าตี ๒ กว่าแล้ว ทางวัดเชิงเขาโทรศัพท์แจ้งมาว่ารถยังไม่ขึ้นไปรับเลย คุณจิรภาจึงโทรประสานงานกับรถที่ว่าจ้าง ปรากฏว่ารถไปจอดรออยู่ที่ปั๊มน้ำมันอีกแห่งหนึ่ง พอทางคนขับรถรู้จุดที่จะไปรับพระและสาธุชนแล้ว เขาก็รับปากว่าจะนำรถขึ้นไปรับตามจุดที่ได้รับทราบ แต่ด้วยความเป็นห่วง คุณจิราภาจึงตัดสินใจขับรถขึ้นไปวัดเชิงเขา เพื่อดูความเรียบร้อย
คืนนั้นเป็นคืนข้างแรม บรรยากาศป่าเมืองกาญจนบุรีมืดสนิทดีจริงๆ คุณจิรภามีน้องอาสาสมัคร ๒ คน นั่งไปเป็นเพื่อน เธอสวมหัวใจยอดกัลยาณมิตร ขับรถฝ่าความมืดขึ้นเขา อาศัยพอมีความชำนาญทางบ้าง เพราะตอนช่วงกลางวันเคยขับขึ้นมานิมนต์ท่านอยู่ ๒-๓ ครั้ง พอจะคาดคะเนได้ว่าโค้งไหนชันโค้งไหนลื่น วัดนี้อยู่บนเขาสูง ทางที่ใช้ขึ้นลงยังต้องขึ้นทางลงอีกทาง เดินทางขาขึ้นปลอดภัย พอไปถึงปรากฏว่ารถบัสได้มารับพระภิกษุและสาธุชนไปแล้ว รถทุกคันที่จัดไว้ออกครบทุกจุด
บริเวณเส้นทางการขึ้นลงเขาที่เป็นจุดอันตราย
|
คราวนี้ต้องขับรถลงเขา ขาลงนี้คุณจิรภาชักไม่แน่ใจเท่าไหร่เพราะ ทางอันตราย จำได้ว่ามีจุดอันตรายมากอยู่จุดหนึ่ง เป็นทางโค้งหักศอกลงไปชันมาก ยังต้องตีโค้งในช่วงล่างอีก ข้างซ้ายมือเป็นเหวลึก ข้างขวาก็มีหนองน้ำใหญ่อยู่ แต่จำไม่ได้ว่าโค้งอันตรายนี้อยู่ตรงไหน เพราะโค้งบนเขานี้มีอยู่หลายโค้ง เธอขับรถฝ่าความมืดค่อยๆ คลานลงเขา วิ่งลงมาเรื่อยๆ ทุกคนในรถต่างนั่งเงียบ ยิ่งเพิ่มความเงียบของป่ายามดึกเข้าไปอีก ขับรถไปใจจรดศูนย์ โค้งแรกผ่านไปกำลังจะลงโค้งที่สอง ความมืดเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในการคาดคะเน เส้นทาง รถอยู่ในจุดที่สูงมองลงไปเบื้องหน้า จึงไม่เห็นเส้นทางที่จะวิ่ง ต่อไป ทางตรงนี้ชันมาก แต่ยังไงก็ต้องลงทางนี้ เพราะมีอยู่ทางเดียว ด้วยความเคยชิน พอหักซ้ายปุ๊บชิดซ้ายทันที รถไหลลงเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ใต้ท้องรถเสียดสีกับพื้นถนน น้องที่นั่งมาด้วยอุทานด้วยความตกใจ “พี่” ขณะนั้นเองได้ยินเสียงกึกใหญ่พร้อมกับการหยุดไหลของรถโดยอัตโนมัติทั้งที่ไม่ได้แตะเบรค รถหยุดเหมือนกับถูกฉุดรั้งเอาไว้ คุณจิรภารีบดึงเบรคมือไว้ แล้วรีบจับองค์พระมหาสิริราชธาตุที่คล้องอยู่ที่คอ ทุกคนรีบพาตัวเองออกจากรถ เพราะถ้าไม่มีอะไรบางอย่างดึงรถไว้อันตรายเกิดแน่ พอออกจากรถมาได้ต้องรีบสวดสรรเสริญ ขอให้ท่านช่วยคุ้มครอง เพราะตรงนี้คือโค้งอันตรายที่น่ากลัวมาก เนื่องจากรถหักชิดซ้ายมาก เหลืออีกแค่ฟุตเดียวก็จะลงเหวลึกประมาณตึกสิบชั้น ส่วนขวามือก็หนองน้ำใหญ่ เบื้องหน้าด้านล่างทางลาดชันอีกหลายเมตร พื้นถนนก็เรียบๆ แต่รถก็ยังคงถูกดึงค้างไว้ไม่รู้ว่าจะหลุดไหลลงไปเมื่อไหร่ มองไปรอบๆ ข้าง ก็ไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความมืดเท่านั้น คุณจิรภาขอพึ่งความสว่างภายใน เริ่มสวดสรรเสริญพระมหาสิริราชธาตุ เธอบอกว่าน่าอัศจรรย์ใจ สวดไปได้แค่ครึ่งบทก็มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามายังคนทั้งสาม ทุกคนต่างหันไปยังที่มาของแสง ซึ่งมาจากรถยนต์คันหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามา คุณจิรภาเริ่มใจชื้น คุณของพระรัตนตรัยท่านช่วยแล้ว พอรถยนต์วิ่งเข้ามาจอดยิ่งมั่นใจว่าอุบัติเหตุจะไม่เกิดขึ้นกับรถของเธออย่างแน่นอน เพราะเป็นรถของเจ้าคณะอำเภอ ทองผาภูมิ ท่านบอกว่า ขับรถผ่านมา กำลังจะเดินทางไปวัดพระธรรมกายเช่นกัน ผ่านมาตรงนี้มองไปบนเขาเห็นแสงไฟแปลกๆ จะขึ้นเขาก็ไม่ขึ้นจะลงเขาก็ไม่ลง จึงมาดู ด้วยความชำนาญในพื้นที่ท่านมีเมตตาช่วยผูกเชือกระหว่างรถทั้งสอง และดึงรถออกมาให้พ้นจากจุดอันตรายได้ในเวลาอันรวดเร็ว รถของคุณจิรภาปลอดภัยดังคำอธิษฐาน
ครอบครัวมีความสุข ทุกคนมีศีลธรรมเพราะการเปิดบ้านกัลยาณมิตร
|
รถคันที่ใช้ขับไปชักชวนคนมาทำความดีเป็นประจำ
|
คุณจิรภาปลอดภัยในครั้งนี้ด้วยอานุภาพบุญ เพราะดูจากจุดที่ว่ารถติดค้างอยู่ที่พื้นเรียบธรรมดา แล้วสิ่งใดล่ะที่ฉุดรถของเธอไว้ “ตอนนี้ถ้าให้ทำแบบเดิมอีก คิดว่ารถไม่เหลือแน่เลยค่ะ” พร้อมกับคำกล่าวทิ้งท้าย “บุญนี้เป็นธาตุสำเร็จนะคะ ยิ่งมีองค์พระมหาสิริราชธาตุ เป็นสื่อนึกถึงบุญในตัว ยิ่งทำความศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเป็นอัศจรรย์ทันตาเห็นเลยค่ะ”