วารสารอยู่ในบุญ ธรรมะออนไลน์

พระธรรมเทศนา ปุจฉา-วิสัชนา บทความข่าว ผลการปฏิบัติธรรม ตักบาตรพระ บาลีน่ารู้ กฏแห่งกรรม ฝันในฝัน บวชพระ

บทความอยู่ในบุญ ธรรมะอินเทรนด์ :โลกเดือดร้อน

ธรรมะอินเทรนด์
เรื่อง : ชนนนี
e-mail : [email protected]

 

 

     โลก..เป็นดาวเคราะห์กลมๆ สีน้ำเงิน อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ ๓ ใหญ่เป็นอันดับที่ ๕ ในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหมดในระบบสุริยะ ปัจจุบันโลกมีอายุประมาณ ๔.๐-๔.๖ พันล้านปี เคยมีผู้ทำนายทายทักเขย่าขวัญชาวโลกให้ช็อกซีนีมากันมาหลายครั้งแล้ว ว่า โลกจะแตกสลายลงด้วยเหตุต่างๆ นานา แต่โลกก็ยังคงอยู่มาได้จนทุกวันนี้ ซึ่งเรื่องนี้ในพระไตรปิฎกก็บอกไว้ว่า โลกมีอายุยาวนานมาก ไม่สามารถนับได้ด้วยหน่วยการนับทางคณิตศาสตร์ และจะดำรงอยู่อีกนานแสนนาน ไม่แตกสลายง่ายๆ

         เมื่อยังเยาว์วัย จำได้ว่าโลกใบน้อยมี ๓ ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝนและฤดูหนาว กาลเวลาผ่านไป ฤดูกาลทั้ง ๓ ในประเทศไทยกลับกลายเป็นฤดูร้อน ร้อนกว่าและร้อนที่สุดไปเสียแล้ว

เกิดอะไรขึ้นหรือ โลกถึงได้ร้อนสาหัสขนาดนี้

          เรื่องโลกร้อน หรือ Global Warming นี้ นักวิทยาศาสตร์บอกว่า "เป็นเพราะมีปริมาณ ก๊าซเรือนกระจกมากเกินไป" ซึ่งนักอนุรักษ์ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมบอกว่า "ต้องลดก๊าซเรือนกระจก ที่มีคาร์บอนไดออกไซด์เป็นหัวหน้าใหญ่ให้น้อยลง"

           สาเหตุการเกิดของก๊าซเรือนกระจกชนิด ต่างๆ ส่วนใหญ่เกิดในภาคอุตสาหกรรม นอกจากฝีมือมนุษย์แล้ว โค กระบือ ก็ยังตกเป็นผู้ต้องหา โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าเป็นต้นเหตุให้โลกร้อนเช่นกัน เพราะเมื่อมันผายลมออกมา จะมีก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกออกมาด้วย

          ขณะนี้ ก๊าซเรือนกระจกที่เปรียบคล้ายผ้าห่มคลุมโลก มีมากเกินไป ความร้อนจากดวงอาทิตย์จึงไม่สามารถสะท้อน กลับออกไปสู่อวกาศได้ ทำให้โลกทวีความร้อนขึ้นประมาณ ๐.๖ - ๐.๗ องศาเซลเซียสต่อปี

           โลกร้อน นอกจากจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ไม่สบายใจแล้ว ยังมีผลร้ายที่ตามมามากมาย เช่น ทำให้น้ำแข็งบริเวณขั้วโลกละลายไหลลงสู่ทะเล ระดับน้ำทะเลก็จะสูงขึ้น มีผลให้พื้นที่ชายฝั่งทะเลบางส่วนจมหายไป ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย

          อุณหภูมิที่สูงขึ้น ยังทำให้ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อทุกชีวิตในระบบนิเวศ ซึ่งจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ถ้าปรับตัวไม่ได้ก็ต้องอพยพย้ายถิ่นฐาน หรืออาจสูญพันธุ์ไปเลย ตัวอย่างเช่น ลูกเต่ามะเฟืองที่อยู่ในไข่จะถูกกำหนดเพศ ด้วยอุณหภูมิของทราย หากโลกร้อนขึ้น โอกาสที่ลูกเต่ามะเฟืองจะเป็นเพศเดียวกันทั้งหมดเป็นไปได้สูง ซึ่งจะทำให้มันสูญพันธุ์ในที่สุด

          สำหรับกรณีของพืช ถ้าฝนฟ้าแปรปรวน ผลผลิตทางด้านการเกษตรก็จะลดลง และถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นมาก พื้นที่บางแห่งอาจกลายเป็นทะเลทราย ทำการเกษตรไม่ได้ ประชาชนจะขาดแคลนทั้งอาหารและน้ำดื่ม

           นอกจากนี้ โรคติดต่อบางชนิด เช่น มาลาเรีย จะแพร่ระบาดในพื้นที่ที่ไม่เคยมีโรคนี้มาก่อน ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และรุนแรงมากขึ้น ดังเช่น ภัยจากคลื่นความร้อนที่ปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกของสหรัฐ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

 

 

          ในเมื่อโลกนี้จะยังไม่แตกสลายไปง่ายๆ ดังคำทำนาย และลูกหลานของเรา จะต้องดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไปอีกนาน ในฐานะบรรพบุรุษ เราจะทำอย่างไรดีโลกจึงจะน่าอยู่

"ตัวเล็กๆ อย่างเรา ก็ช่วยได้ เริ่มจากสิ่งใกล้ตัว..." 

            เราสามารถช่วยโลกได้ด้วยวิธีง่ายๆ เช่น ตรวจสภาพรถไม่ให้มีควันดำ ใช้กระดาษทั้ง ๒ หน้า ประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ รวมทั้งควรประหยัดทรัพยากรทุกอย่าง เพราะการผลิตน้ำ ไฟ ข้าวของ เครื่องใช้ต่างๆ ต้องใช้พลังงาน ซึ่งส่วนใหญก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก และถ้าเป็นไปได้ควรช่วยกันปลูกต้นไม้ ช่วยดูแลรักษาป่า เพื่อให้ต้นไม้ช่วย ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ หากตั้งใจทำในสิ่งที่พอทำได้ แม้เพียงคนละเล็กละน้อย ก็จะช่วยโลกได้

        นอกจากวิธีข้างต้นนี้ ยังมีอีกวิธีที่คุ้มครองโลกของเราได้ คือ การทำสมาธิ กลั่นกาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ เพราะในทางพระพุทธศาสนานั้น ตัวกำหนดสิ่งแวดล้อม คือ ใจของมนุษย์ ดังที่ พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ท่านกล่าวไว้ มีใจความว่า

           การที่มลภาวะเป็นพิษ หรืออากาศร้อน เกิดมาจากการที่จิตใจมนุษย์เร่าร้อนขึ้น ด้วยความโลภ โกรธ หลง เพราะลมหายใจกับจิตใจมีความสัมพันธ์กัน เวลาเราโลภ โกรธ หลง ลมในตัวจะร้อน แล้วจะระบายออกทางจมูก กลืนไปกับบรรยากาศ เป็นกระแสคลื่นแผ่ไปทั่วภูมิภาค ทั่วโลก ไปถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ดิน อากาศ ฟ้า ไปถึงหมด คล้ายๆ กับเราขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลางทะเล แล้วทิ้งก้อนหินลงมาก้อนหนึ่ง ก็จะเกิดคลื่นต่อๆ ไป ถึงชายฝั่งของแต่ละประเทศทั่วโลก ดังที่ไอสไตน์บอกไว้ว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว เพราะว่า อวกาศมันเชื่อมโยงถึงกัน ลมหายใจของเราไม่มีอะไรขวางกั้นเลย ไปถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว

       การทำสมาธิภาวนาให้ใจบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น จึงเป็นอีกเทรนด์หนึ่งในการดูแลโลก วันคุ้มครองโลก ๒๒ เมษายน นี้ เป็นโอกาสดีที่เราจะเริ่มต้นปกปักรักษาโลกให้ร่มเย็นเป็นสุข ทั้งในทางหยาบ (ทางโลก) และทางละเอียด (ทางธรรม) ควบคู่กันไป ซึ่งจะให้ผลสัมฤทธิ์ที่ดีกว่าการแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางโลกเพียงอย่างเดียว...

บทความนี้ ถูกใจคุณหรือไม่ + -

บทความอยู่ในบุญทั้งหมด ฉบับที่ 54 เมษายน ปี 2550

สิ่งดีๆมีไว้แบ่งปัน อะไรดีๆมีอีกเยอะ กด Like facebook กัลยาณมิตร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล