นิทานอีสป เรื่อง แมวกับม้าศึก
ณ เมืองแห่งหนึ่ง วันหนึ่งมีแมวตัวหนึ่งเห็นม้าศึกเดินทางเข้ามาในตัวเมือง และมันรู้สึกประทับใจเจ้าม้าศึกยิ่งนัก เจ้าแมวคิดว่า ม้าศึกช่างดูกล้าหาญและสง่างาม และเจ้าแมวเองนั้นก็รู้สึกถูกใจกระพรวนซึ่งแขวนอยู่ที่คอของเจ้าม้าศึกเหลือเกิน
เจ้าแมวตัดสินใจจะแขวนกระพรวนประดับไว้ที่คอบ้าง เพื่อหวังข่มขวัญพวกหนู เจ้าแมวจึงไปขอแบ่งกระพรวนจากม้าศึกมาลูกหนึ่งและใช้รีบขึ้นร้อยกระพรวนลูกนั้นไว้ที่คอของตนเอง เสร็จแล้วเจ้าแมวก็เดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างองอาจราวกับขุนศึกผู้กล้าหาญพร้อมกับเสียงกระพรวนที่ดังกังวาน
พวกหนูสังเกตเห็นว่าแมวที่บ้านหลังนี้ผูกกระพรวนไว้ที่คอ โดยกระพรวนนั้นเป็นเครื่องช่วยเตือนให้พวกหนูรู้ตัวก่อนเมื่อตอนที่เจ้าแมวกำลังมาใกล้
หนูตัวหนึ่งจึงกล่าวกันเพื่อนๆ ของมันว่า "ดูเจ้าแมวนั่นสิ มันนึกว่าตัวเองเป็นเหมือนม้าศึกที่เก่งกาจ และไม่รู้เลยว่า กระพรวนนั้นเป็นเครื่องเตือนภัยให้พวกเราหนีมันได้ทัน"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การที่เราพยายามทำตัวให้เหมือนกับผู้อื่นโดยไม่เข้าใจความหมายหรือความสามารถที่แท้จริงของสิ่งนั้น อาจทำให้เราเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวเองและสถานการณ์รอบตัว
หลักธรรมในพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้อง
1. การเห็นตามความเป็นจริง (Yathābhūtaṃ)
- สอนให้เราเข้าใจความจริงของสิ่งต่าง ๆ โดยไม่หลงใหลไปกับภาพลักษณ์ภายนอก เช่น แมวที่พยายามทำตัวให้เหมือนม้าศึก แต่ไม่เข้าใจว่าความกล้าหาญและสง่างามนั้นมาจากคุณสมบัติที่แท้จริงของม้าศึก ไม่ใช่แค่กระพรวนที่แขวนอยู่ที่คอ
2. การรู้จักตนเอง (Sammā-sati)
- การมีสติรู้จักตัวเองและไม่หลงเชื่อในภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้น เช่น แมวที่คิดว่าตนเองเป็นเหมือนม้าศึก แต่จริง ๆ แล้วมันมีบทบาทที่แตกต่างออกไป
3. ความไม่ประมาท (Aappamāda)
- สอนให้เรารู้จักระมัดระวังและไม่หลงไปตามสิ่งที่เห็นหรือได้ยิน เช่น หนูที่รู้จักระวังตัวเมื่อได้ยินเสียงกระพรวน
สรุป
นิทานนี้เตือนใจให้เราใช้ปัญญาในการพิจารณาคุณสมบัติและความสามารถของตนเอง รวมถึงการไม่หลงใหลไปกับสิ่งที่ดูดีภายนอกโดยไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของมัน