นิทานอีสป เรื่อง คำตอบของพระจันทร์
วันหนึ่งในคืนเดือนเพ็ญ พระจันทร์ส่องแสงสว่างสุกใสอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งสว่างเจิดจ้าราวกับแสงของพระอาทิตย์ในยามรุ่งอรุณ
นักเดินทางคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ภายใต้แสงจันทร์ แล้วเขาก็ได้กล่าวสรรเสริญพระจันทร์ว่า "แสงสว่างไสวของเจ้าในคืนนี้ ช่างดูอบอุ่นและสวยงาม ยิ่งกว่าประกายแสงของพระอาทิตย์ในยามเช้าเสียอีก"
ขณะเดียวกัน โจรผู้หนึ่งกำลังวางแผนขโมยของ ของคนในหมู่บ้าน ได้พูดสบถด่าพระจันทร์ว่า "เจ้าผีร้าย! จงไปให้พ้นจากท้องฟ้ายามนี้ แสงของเจ้ากำลังกีดขวางการทำงานของข้า!"
หลังจากที่พระจันทร์ได้ยินคำพูดของชายทั้งสอง จึงพูดว่า "ข้าไม่ได้สำคัญเฉกเช่นดวงอาทิตย์หรอก เพราะความจริงแล้วแสงสุกสว่างของช้าก็มาจากแสงของดวงอาทิตย์ และข้าก็ไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย เพราะแสงของข้าไม่เคยกีดขวางการกระทำของคนดี ข้าเป็นตัวของข้าเอง ข้าคือพระจันทร์"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การยอมรับและเข้าใจตัวตนของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ
หลักธรรมในพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้อง
อุเบกขา (ความวางเฉย)
พระจันทร์แสดงถึงความวางเฉย ไม่ยินดียินร้ายต่อคำชมและคำตำหนิ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของตนเองตามธรรมชาติ
สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นชอบ)
การเข้าใจความจริงว่าทุกสิ่งมีบทบาทหน้าที่และคุณค่าเฉพาะตัว ไม่ควรเปรียบเทียบหรือตัดสินสิ่งใดโดยอคติ
โยนิโสมนสิการ (การพิจารณาอย่างแยบคาย)
พระจันทร์ตระหนักถึงความจริงว่าแสงของตนมาจากดวงอาทิตย์ และยอมรับความเป็นตัวเองโดยไม่หลงผิดหรือสำคัญผิด
นิทานนี้เตือนใจให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองและไม่ปล่อยให้คำพูดของผู้อื่นมีอิทธิพลต่อความรู้สึกหรือการกระทำของเรา ความเข้าใจในตัวตนและบทบาทของตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตอย่างมีสติและสงบสุข