ปริศนาแห่งความฝัน

วันที่ 14 ตค. พ.ศ.2558

ปริศนาแห่งความฝัน

(ฝันในฝันยุคหลวงปู่)

 

            “...กายมนุษย์นี่แหละเวลานอนหลับฝันไปก็ได้ พอฝันออกไปอีกกายหนึ่งเขาเรียกว่า กายมนุษย์ละเอียดนี่รู้จักกันทุกคนเชียวกายนี้ เพราะเคยนอนฝันกันทุกคนรูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร เป็นเหมือนมนุษย์คนนี้แหละ คนที่ฝันนี่แหละ..."

 

            แม้ในปัจจุบันวิทยาการจะก้าวรุดหน้าไปมาก มนุษย์สามารถรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งต่างๆรอบตัวได้มากมาย แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่เป็นปริศนาในใจของมนุษย์ เป็นต้นว่า “ความฝัน” แม้เราทุกคนจะเคยฝันกันมาแล้วทั้งนั้น แต่เราก็ยังมีคำถามเรื่องความฝันอยู่มากมาย เช่น ความฝันเกิดจากอะไร, ทำไมเหตุการณ์ในฝันถึงกลายเป็นความจริงขึ้นมา, ฝันช่วยแก้ปัญหาได้จริงหรือ, สัตว์ฝันได้หรือไม่ เป็นต้น ที่ผ่านมามีทฤษฎีมากมายที่พยายามอธิบายเรื่องความฝัน สำหรับพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้กล่าวถึงความฝันไว้ว่า

 

“...กายมนุษย์นี่แหละเวลานอนหลับฝันไปก็ได้ พอฝันออกไปอีกกายหนึ่ง เขาเรียกว่า กายมนุษย์ละเอียด นี่รู้จักกันทุกคนเชียวกายนี้ เพราะเคยนอนฝันกันทุกคน รูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร เป็นเหมือนมนุษย์คนนี้แหละ คนที่ฝันนี่แหละ ...”

 

            พระเดชพระคุณหลวงปู่กล่าวว่า เราจะรู้จักพบปะเจอะเจอกับกายละเอียดได้ เมื่อเราทำสมาธิและสามารถทำใจให้หยุดนิ่งได้ถูกส่วน พอจิตดำเนินเข้าสู่เส้นทางสายกลาง ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ก็จะเข้าไปถึงกายมนุษย์ละเอียด และรู้ว่ากายมนุษย์ละเอียดนี่เองที่ฝันออกไป ถ้าเราเจอกายมนุษย์ละเอียดแล้ว จะใช้ให้ไปที่ไหนก็ได้ เช่น ให้ฝันไปเมืองเพชร ไปอรัญประเทศ ไปพระธาตุพนม ไปเชียงใหม่ ปรากฏว่า เพียงแค่นาทีเดียวกายละเอียดก็ไปยังสถานที่ต่างๆเหล่านี้ แล้วกลับมาเล่าให้ฟังได้ ฝันแบบนี้ไม่เหมือนนอนหลับฝัน ท่านกล่าวว่า

 

“...ฝันทั้งๆที่ตื่น ไม่ใช่ฝันหลับๆ ฝันอย่างนี้ประเดี๋ยวเดียวได้หลายเรื่อง ถ้าหลับฝันนานนักกว่าจะได้สักเรื่องหนึ่ง...”

“...ถ้าเราเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด เราก็จะฉลาดกว่าคนชั้นหนึ่ง เพราะมนุษย์รู้เรื่องหยาบๆ เราเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียด เราจึงรู้เรื่องได้ละเอียดกว่า เรื้องลี้ลับอะไรเรารู้หมด เราไปตรวจดูได้หมดทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน...ฝันไปเรื่อย ตรวจดูทุกๆคน ถ้าฝันตื่นๆได้อย่างนี้สนุกแน่...”

 

การที่มนุษย์นอนหลับฝันโดยทั่วไปเกิดขึ้นได้ 2 แบบ คือ

           แบบกายละเอียดไม่ได้หลุดจากกายหยาบ แบบกายละเอียดหลุดออกจากายหยาบ ทำไมเหตุการณ์ในฝันถึงกลายเป็นความจริงขึ้นมาหลายๆคนคงเคยได้ยินหรือได้ประสบกับตัวเองว่า ฝันกลายเป็นจริงได้ ในที่นี้จะขอยกตัวอย่างของบุคคลที่มีชื่อเสียง คือ  อับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดี คนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา ผู้ปลดแอกทาสผิวดำ ท่านถูกยิงตายเมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ.1865 ก่อนถูกยิง 10 วัน ท่านฝันว่า เห็นคนร้องไห้ และพบศพใส่หีบตั้งไว้ มีทหารยืนเฝ้าอยู่ เมื่อท่านถามว่า ใครตาย ทหารตอบว่า ท่านประธานาธิบดีถูกคนร้ายฆ่าตาย

           กรณีนี้น่าจะเป็นการฝันแบบที่สอง คือ การละเอียดหลุดออกจากกายหยาบไปทำหน้าที่ฝันแล้วนำมาเล่าให้กายมนุษย์หยาบฟัง

 

ฝันช่วยแก้ปัญหาได้จริงหรือ

             เรื่องนี้ มีตัวอย่างของนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบความจริงขณะนอนหลับ ไม่ใช่พบในห้องทดลอง เรื่องมีอยู่ว่า ฟรีดดริก เอากุสต์ เคคูเล นักเคมีชาวเยอรมัน ฝันว่าโมเลกุลของเบนซีน1 กำลังหมุนเป็นวงกลมเหมือนงูกินหาง เขาจึงสร้างความคิดรวบยอดเกี่ยวกับคาร์บอนหกอะตอมจับตัวกันในลักษณะวงแหวนของเบนซีน และค้นพบสูตรโครงสร้างของเบนซีนในที่สุด

            อีกตัวอย่างหนึ่งเป็นเรื่องของนักประดิษฐ์จักรเย็บผ้า ที่พยายามคิดค้นหาวิธีทำจักรเย็บผ้าอยู่นานแต่ไม่ประสบความสำเร็จ วันหนึ่งเขาฝันว่าอยู่ในวงล้อมของคนป่า เขาเห็นหอกทุกเล่มของคนป่ามีรูเจาะอยู่ที่ปลาย ความฝันนี้ทำให้เขาเกิดความคิดว่า รูเข็มของจักรเย็บผ้าต้องอยู่ที่ปลายเข็ม ไม่ใช่อยู่ที่โคนแบบเข็มเย็บผ้าทั่วไป       

            สองกรณีนี้ น่าจะเกิดขึ้นจากความฉลาดของกายมนุษย์ละเอียด ที่ฉลาดกว่าคนชั้นหนึ่ง ดังที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ได้บอกไว้ กายละเอียดจึงสามารถแก้ปัญหาที่มนุษย์ธรรมดาทำไม่ได้

 

สัตว์ฝันได้หรือไม่

            นักวิจัยค้นพบว่าสัตว์ก็ฝันได้เช่นเดียวกัน เช่น แมวมักจะฝันถึงการล่าเหยื่อ ซึ่งจะสังเกตได้จากลักษณะการเคลื่อนไหวของขาและร่างกาย สุนัขมีการเคลื่อนไหวของช่วงขาในลักษณะของการวิ่ง รวมถึงการเห่าในขณะที่นอนหลับ

            พระเดชพระคุณหลวงปู่เคยกล่าวถึงเรื่องกายละเอียดของสัตว์ไว้ว่า “...สัตว์เดรัจฉานที่เราเห็นตัวปรากฏอยู่นี่ นั่นมนุษย์แท้ๆ มนุษย์ทั้งนั้น อ้ายสัตว์เดรัจฉานน่ะ ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเสีย อ้ายตัวข้างในเป็นมนุษย์ทั้งนั้นแหละ อ้ายกายละเอียดข้างใน แต่ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน น่าเกลียดน่าชังจริงนั่น เพราะทำชั่วของตัวไปเกิด มันดึงดูด อายตนะของสัตว์เดรัจฉานดึงดูด...”

 

            จากคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่ที่กล่าวว่า สัตว์มีกายละเอียดเป็นมนุษย์ ทำให้เชื่อว่าสัตว์ก็น่าจะฝันได้เช่นเดียวกัน แต่ผู้ที่จะให้ข้อสรุปปริศนาแห่งความฝันเหล่านี้ได้ดีที่สุด ต้องเป็นคนที่ฝันได้ทั้งๆที่ยังตื่นอยู่ ที่หลวงปู่เรียกว่า“ฝันในฝัน”

            วิชชาธรรมกายที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ค้นพบ นอกจากจะเป็นหนทางอันประเสริฐสุดที่ช่วยให้มนุษยชาติหลุดพ้นจากความทุกข์แล้ว ยังสามารถไขปริศนาต่างๆในใจของชาวโลกได้อีกมากมาย ค่ำคืนนี้ ใต้ท้องฟ้าที่ระยิบระยับด้วยดวงดาว ผู้คนมากมายกำลังตกอยู่ในความฝัน แต่คนอีกส่วนหนึ่งกำลังพากเพียรที่จะ “ฝันในฝัน” ตามรอยพระเดชพระคุณหลวงปู่ คุณอยู่กลุ่มใด ?

 

จากหนังสือ คำสอนหลวงปู่ สู่โลกปัจจุบัน (วันที่พิมพ์: 10 ตุลาคม พ.ศ.2551)

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.019967949390411 Mins