ทำผิดตามพระธรรมวินัย ยังไม่ได้ขาดจากความเป็นพระ พวกซัดซะตายจากความเป็นพระ ไปเลย...
อาบัติบางชนิดของพระในสิกขาบท บางคนบอกว่า ตนเป็นชาวพุทธ ยอมรับไม่ได้ เป็นโลกวัชชะ ชาวโลกติเตียน ทำให้ศาสนาเสื่อม ศาสนามัวหมอง ทำลายศรัทธาชาวพุทธ ทั้งประเทศ วิพากษ์วิจารณ์ สร้างกระแสรวมสมัครพรรคพวก ชุมนุมไล่จับสึก ปู่ย่าตาทวดบอกว่า ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ เป็นเรื่องของพระเณรให้คณะสงฆ์จัดการ ชำระความกันเอง ตามพระธรมวินัย ก็บอกว่าไม่ใช่....ต้องจัดการเอง
พระธรรมวินัย สิกขาบท ที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ดีแล้ว ก่อนพระองค์ปรินิพพาน มอบให้เป็นตัวแทนของพระองค์ มิใช่ให้สงฆ์รูปใด หรือฆารวาสคนใด ใช้ปกครองพระ หรือคณะสงฆ์ นอกจากปาราชิก 4 ที่ขาดจากความเป็นพระ ตั้งแต่ทำสำเร็จแล้ว ความผิดในพระธรรมวินัยอื่นๆ พุทธองค์ทรงให้ตั้งคณะสงฆ์พิจารณาเรื่องนั้นๆ หรือให้ออกหมู่สงฆ์ไปก่อนปรับปรุงตัวดีแล้ว ก็รับกลับเข้าใหม่ หรือสละสิ่งของที่ต้องอาบัตินั้นเสีย ปลงอาบัติ ยังไม่ถือว่าขาดจากความเป็นพระ
คนที่ไม่รู้ ก็ตามไล่ล่ากล่าวหาให้ลาสิกขา ให้ขาดจากความเป็นพระ แสดงว่าคนในยุคปัจจุบัน ใหญ่กว่าพระธรรมวินัย ที่พุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้วอีกปากว่า ตาขยิบ ตอนพระทำผิด ตำหนิ บอกรับไม่ได้ แต่ตอนนี้ บอกว่าเพื่อจรรโลงรักษาพระพุทธศาสนาไว้ จำเป็นต้องสร้างหนังเรื่องนี้ตีแผ่ ให้สังคมได้รับทราบ แบบเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง ของแพงไม่ซื้อพอเขาให้ก็เอา หาความชอบใส่ตัว ความชั่วยกให้คนอื่น.นี่เอาความผิดที่ตนเอง ตำหนิติเตียน เกลียดชัง มาทำเป็นหนัง ฉายไปทั่วประเทศ ให้คนดูเข้าใจผิด ทำลายศรัทธาคนที่ยังไม่เข้าใจ เพิ่มความเกลียดชัง ให้พุทธศาสนา ที่ตนเองอ้างว่า รัก แต่นำสิ่งที่ตนรัก เพิ่มมูลค่าความเกลียดชังให้เกิดขึ้น และบอกว่า นี่คือความถูกต้อง เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา...
ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ? กรรมใครก็กรรมมัน ดีกว่านะ เพราะ ยิ่งนานวัน จะยิ่งเข้าใจ ว่า ทำไม ? มีอุปมาว่า สรรพสัตว์ในโลก เกิดในสวรรค์เท่ากับเขาโค เกิดในอบายเท่ากับขนโค
19 ตุลาคม พุทธศักราช 2558
ธรรมะริมทาง ไปที่สุดแห่งธรรม
