โอวาทหลวงปู่วัดปากน้ำ ตอนที่ 64 โดยสิงหล 2 ต.ค. 58
เข้าธรรมกายได้แค่พริบตาเดียว
ทุกคนนี่จะต้องซักซ้อมด้วยตนเอง ต้องทำได้ และก็ถึงจะไปสอนผู้อื่นได้ จะต้องมีการซักซ้อม เหมือนปืนจะต้องมีการถอดล้างได้ ประกอบได้ วิชชาธรรมกายก็เหมือนกันจะต้องเข้าได้ออกได้คล่องแคล่วเหมือนหญ้าปล้อง เราดึงออกมาสามารถที่จะเข้าได้ออกได้ อย่างคล่องแคล่ว สามารถที่จะทำงานใช้อย่างรวดเร็วได้ ขับรถก็จะต้องขับด้วยความรวดเร็ว ตำแหน่งอุปกรณ์ทุกอย่าง วิชชาธรรมกายเหมือนกันจะต้องเข้าอย่างรวดเร็ว ออกอย่างรวดเร็ว สามารถทำจิตให้สงบ เข้าธรรมกายได้แค่พริบตาเดียว หลวงพ่อท่านก็มองเหตุการณ์ในอนาคตว่าจะต้องมีการรับช่วงสืบทอดต่อของวิชชาธรรมกายที่ท่านสอน
หลวงพ่อจะพูดเสมอเลย งานนี้มันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้ค้นพบมา ก็จะต้องช่วยกันรักษานะ ซึ่งก็จะต้องมีการเผยแผ่ขยายออกไป ช่วยกันดูแลช่วยกันรับผิดชอบนะ ก็มีการพูดถึง ตอนนั้นซึ่งอาตมาก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างเพราะเป็นเด็กนะ ส่วนผู้ใหญ่เขาก็อีกระดับหนึ่งรับผิดชอบและก็รู้เรื่องผู้ที่เป็นพระสมัยนั้น ตอนเป็นเณรก็ฟังอยู่หางแถวแต่ก็ได้ยิน อยู่ในโรงงาน หลวงพ่อพูดอะไรมันจะก้องได้ยินหมดเลย พูดเรื่องอะไร สั่งการอะไร ปรารถนาเรื่องอะไร หรือว่ามอบหมายงานอะไร แต่บางทีเราก็ไม่ได้ทำเพราะเราเป็นทหารเล็กๆตัวเล็กๆเป็นตัวประกอบ เป็นหางเครื่อง
หลวงพ่อท่านพูดบอกว่า หลวงตาใจนี่เป็นคนที่มั่นคงในการปฏิบัติวิชชาธรรมกาย เป็นพระที่ขยันถึงจะอายุมากกว่าเพื่อนเลย ตั้ง 90 แล้วตอนนั้น แต่ถึงเวลาเข้าโรงงาน คือเข้าปฏิบัติแบบชั้น 18 อรหันต์ หลวงตาใจจะมาเป็นองค์แรก เชื่อมั๊ย โอ้โหขยันจริงๆเลย ท่านจะเดินเข้าโรงงานที่ปฏิบัติเป็นองค์แรกเลย นั่งก่อนเพื่อน เลิกทีหลังเพื่อน ซึ่งท่านเป็นพระตัวอย่าง ถึงแม้จะอายุสังขารมันไม่ค่อยจะพร้อม ไม่ค่อยจะสมบูรณ์นะ ไม่แข็งแรง แต่เรื่องการปฏิบัติ เรื่องการรับผิดชอบที่ท่านคล่องตัวเก่งกว่าพระทั้งหลาย กว่าเณรทั้งหลาย ท่านเดินนำหน้าเลย หลวงตาใจท่านอยู่คณะภาวนา ตอนเย็นๆอาตมาก็มีหน้าที่ไปอ่านหนังสือธรรมะให้ท่านฟัง
(เรื่องเล่าโดย พระมหาดร.ทวนชัย อธิจิตโตบุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม1)