ทิดสึกใหม่ก็รับคำ ยมบาลท่านใจดี ท่านบอกว่า ให้ทหารพาไปดู ขุมนรกที่ลงโทษคนกินเหล้า และบ้ากาม ให้ดูนานๆ แล้วรีบพาไปส่ง เพราะร่างจะเน่าเสียก่อน ยังเหลืออีก 2 ปี แต่ถ้าทำดีจะได้อยู่ถึง 20 ปี อายุ 44 จึงค่อยมาใหม่
พอทหารพาทิดสึกใหม่ออกไป ทหารอีกพวกหนึ่ง ก็พาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา เสมียนฟ้องว่า เป็นคนมีสามีแล้ว แต่ยังแอบไปหาชู้ตามโรงแรม ยมบาลถามว่าจริงหรือ ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า”จริงค่ะ’’ ยมบาลท่านตวาดว่า “เจ้าสัตว์ผู้โง่เขลา ทำไมเจ้าทำผิดอย่างเลวทรามอย่างนั้น เจ้าไม่กลัวต้องขึ้นต้นงิ้วหรือ ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า "กลัวมากค่ะ แต่สามีสอนว่า เวลาทำบุญทอดกฐิน ให้เอาขวานไปถวายพระด้วย หนามงิ้วมันกลัวคมขวาน ถ้ายมบาลให้ขึ้นต้นงิ้ว ให้เอาขวานไปถากด้วย’’
ยมบาลท่านตวาดว่า "เจ้าพูดเหลวไหล ทำไมผัวเจ้าจึงสอนอย่างนั้น’’ ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า "เพราะผัวของเธอ ให้เธอออกไปหาเงิน ตามโรงแรม เอามาใช้จ่ายในบ้านด้วย เขาไม่มีงานทำ และเงินก็ไม่มีใช้ เขาก็ป่วยไข้และติดยาเสพย์ติด ลูกก็ถูกครูเร่งเงินค่าเล่าเรียน ไม่มีให้เขา เขาก็จะไม่ให้สอบ’’แม่อาจารย์ฟังแล้ว ก็ยกผ้าเช็ดปากขึ้นเช็ดน้ำตา ตั้งใจว่า จะต้องช่วยสร้างโรงเรียนเด็กคนจนให้สำเร็จจนได้
ยมบาลท่านฟังหญิงผู้ถูกกล่าวหาว่ามีสามีแล้ว แต่ยังชอบขายตัวตามโรงแรม ครั้นหญิงนั้นให้การว่า สามียากจนไม่มีงานทำและทั้งติดยาเสพย์ติด ลูกก็ต้องค้างค่าเล่าเรียน สามีจึงใช้ให้ไปขายตัว เอามาเลี้ยงครอบครัว แม่อาจารย์ทองสุขฟังแล้วแอบเช็ดน้ำตา สงสารหัวอกลูกผู้หญิง ต้องลำบากถึงเพียงนี้ ใครเลยหนอจะอยากทำชั่ว ความจำเป็นผัวเขาใช้ก็ต้องทำ กำลังเป็นห่วงสงสารว่า ผู้หญิงคนนั้นจะต้องไป ถูกลงโทษอยู่กับพวกขึ้นต้นงิ้ว ก็พอดีได้ยินเสียงยมบาล ท่านหันไปถามเสมียนดูละเอียดแล้วตอบว่า “ดูทีหรือว่าผัวยอมให้ทำ จริงหรือไม่’’
เสมียนดูละเอียดแล้วตอบว่า
“ผัวยอมเป็นบางครั้ง แต่บางครั้งก็ไปขายตัวเอง’’ ยมบาลจึงถามว่า “บางครั้งก็ไปขายตัวเองจริงหรือไม่’’ หญิงนั้นตอบว่า “จริงเจ้าค่ะ เมื่อลูกคนเล็กเจ็บหนักเป็นโรคปอดบวม พ่อเขาก็ไม่อยู่ ดิฉันไม่มีเงินให้หมอ ก็จำต้องทำชั่ว เมื่อพ่อเด็กเขากลับมา ดิฉันก็บอกเขาและขอโทษแล้ว เขาก็ไม่ถือโทษดิฉันค่ะ’’
(เรื่องเล่าโดย แม่ชีทองสุข สำแดงปั้น บุคคลยุคต้นวิชชาเล่ม2)