ลิงกับชาวนาเนรคุณ

วันที่ 06 กพ. พ.ศ.2559

ลิงกับชาวนาเนรคุณ

           สาเหตุที่ตรัสชาดก ภิกษุทั้งหลายพากันกล่าวติเตียนพระเทวทัตที่คิดประทุษร้ายพระโลกนาถพระตถาคตตรัสว่า ใช่แต่บัดนี้เท่านั้นก็หาไม่ แม้ในกาลก่อนพระเทวทัตก็พยายามฆ่าเราเหมือนกัน

ทรงนำอดีตมาตรัสดังนี้..
         ในอดีต มีชาวนาผู้หนึ่งหลงป่าอดอาหารถึง 7 วัน โชคดีพบต้นมะพลับต้นหนึ่งจึงรีบปีนขึ้นไปเก็บผลมากิน แต่โชคร้ายพลัดตกลงมา กระทั่งยังโชคร้ายอีกครั้ง เพราะตกลงไปในเหวลึก ชาวนาค้างอยู่ในเหวล่วงไป 10 วันแล้วนับว่าใกล้ตายเต็มที ในโชคร้ายกลับมีโชคดี เนื่องเพราะพลันมีลิงตัวหนึ่งผ่านมาเห็นบุรุษนี้เข้าพอดี ลิงผูกเชือกที่หินใหญ่ หย่อนตัวลงไปให้ชาวนาซึ่งสิ้นเรี่ยวแรงเกาะหลังตนขึ้นมา

 

           ชาวนารอดตาย แต่ลิงกลับโชคร้ายที่ช่วยบุรุษนี้ขึ้นมา ลิงไว้ใจชาวนาเพราะรู้ว่าตนช่วยครั้งนี้ก็ต้องสิ้นเรี่ยวแรงจนหมด ไม่อาจแม้กระโดดขึ้นไปนอนพักบนต้นไม้ได้ จำต้องนอนบนพื้นดินอันผิดวิสัยเผ่าพันธุ์ลิงที่ต้องระวังภัย ก่อนหลับใหลนิทราลงไป ลิงยังคงอุ่นใจเพราะเห็นคนที่ตนช่วยนั่งอยู่ใกล้ๆพลางกล่าวขอร้องชาวนา..
"ท่านโปรดคุ้มครองเราด้วยเถิดนะ เราหน่ะหมดแรงแล้ว จะของีบสักหน่อย ถ้าพวกสิงโต, เสือหรือหมี มาเห็นข้าพเจ้า ท่านเตือนข้าพเจ้าด้วยนะ"

             ความหิว บางครั้งทำให้คนถึงกับลืมผู้มีพระคุณได้! แม้แต่ผู้ประพฤติธรรมยังต้องสิ้นสำรวมก็เพราะความหิวได้ จะนับอันใดกลับชาวนาผู้หนึ่ง และตอนนี้ชาวนาผู้อดอาหารมา 10 วัน ก็หิวจนสุดทนแล้ว จึงคิดว่า..
"ถ้าเรากินลิงนี้ นอกจากอิ่มท้องแล้ว ยังได้เนื้อลิงเป็นเสบียงเดินทางออกจากป่านี้ด้วย"

 

            ชาวนาคว้าหินทุ่มลงที่ศีรษะลิงทันที ลิงสะดุ้งตื่น เจ็บปวดทั้งกายใจ เลือดทะลักไหลนองท่วมตัวรีบฝนกายกระโดดขึ้นต้นไม้ทันที พลางกล่าวว่า..
"น่าอดสูใจจริงๆ ข้าช่วยเจ้าไว้แท้ๆ แต่เจ้ากลับเห็นว่าเรานี้สมควรตาย เจ้าคนชาติชั่วเอ๋ย เจ้านี้ทำบาปหนักหนาแล้ว กรรมนี้อย่าได้สนองเจ้าเลย เอาเถอะ! เราจะช่วยให้เจ้าออกจากป่านี้ไปโดยเร็วแต่เจ้าอย่ามาอยู่ใกล้ๆ เรา ความคุ้นเคยกับเจ้าไม่มีในตัวเราอีกแล้ว เจ้าจงเดินห่างๆ ให้พอมองเห็นกันได้เท่านั้น อย่าเข้ามาใกล้เป็นอันขาด!"

 

          ลิงนำทางส่งชาวนาออกจากป่าสู่หมู่บ้านแล้ว รีบกลับเข้าป่าไปล้างเลือดที่ศีรษะ เช็ดน้ำตาเสร็จแล้วก็กลับไปยังภูเขาเพื่อรักษาตัว สืบไป..
           ชาวนาออกจากป่าได้ก็ดีใจที่รอดตายมาได้ แต่ดีใจเพียงชั่วครู่ จู่ๆ ร่างกายเกิดผื่นคันเป็นกลากเกลื้อนโรคเรื้อนผุดขึ้นเต็มตัวทั่วร่าง จนร่างกายคล้ายเปรตไปแล้ว ชาวนาร้องโอดครวญอย่างปวดแสบปวดร้อน ชิ้นเนื้อได้หลุดรุ่ยออกมาเป็นแผ่น ฝีผุดขึ้นเท่ามะตูมครึ่งลูก เมื่อฝีแตก น้ำเลือดน้ำหนองก็ไหลนองมีกลิ่นเหม็นดุจซากศพ ชาวนาไม่ทราบว่าตนเองไปถูกพิษร้ายอะไรในป่า หารู้ไม่ว่าเป็นพิษที่ตนก่อขึ้นมาเอง เป็นพิษเนรคุณ!

 

            บัดนี้ชาวนาจะเดินไปทางไหน ชาวบ้านทั้งหญิงชายพากันถือท่อนไม้ไล่ไป ชาวนาเปรตได้เสวยทุกขเวทนาปานนี้อยู่ถึง 7 ปี เผอิญปีที่ 7 นี้เองพระราชาเสด็จประพาส ผ่านมาเห็นคนประหลาดนี้เข้าพอดี ชาวนาจึงได้โอกาสพูดคุยกับผู้คนขึ้นมาบ้าง

 

           พระราชาตรัสถามถึงสาเหตุที่ชาวนากลายเป็นเช่นนี้ ชาวนาทูลเล่าเหตุการณ์เมื่อ 7 ปีที่แล้วโดยละเอียด แล้วกล่าวอย่างสำนึกผิดว่า..
"ใครอย่าได้คิดร้ายต่อมิตรเป็นอันขาด! เพราะผู้ทำร้ายมิตรจัดเป็นคนเลวทรามในโลก ผู้ที่ทำร้ายมิตรย่อมเป็นโรคเรื้อนเกลื้อนกลาก ผู้นั้นต้องมี ภาพเช่นเรานี้ แม้ตายไปก็ต้องไปนรก"ชาวนากล่าวจบก็ได้วาระพ้นกรรมในโลกมนุษย์ ไปเสวยกรรมในอเวจีมหานรกต่อ เพราะแผ่นดินได้แยกช่องออกแล้ว ไฟร้อนแรงพุ่งขึ้นจากรอยแยกมาหอบเอาชาวนาไปใช้ชีวิตอยู่ในอเวจีสืบต่อไป.. เป็นชีวิตใหม่ที่ยาวนานส่วนพระราชาเสด็จกลับสู่พระนครด้วยความหวาดผวา

 

ประชุมชาดก
         พระทศพลทรงประชุมชาดกว่า บุรุษผู้ประทุษร้ายมิตรในครั้งนั้นมาเป็นพระเทวทัต วานรมาเป็นตถาคตแล

 

           จากชาดกเรื่องนี้ ลิงบัณฑิตรู้ว่าชาวนากลายเป็นพาลเนรคุณ ก็ยังคิดช่วย ไม่คิดเคืองแค้นตัดใจความโกรธทิ้งไป มิยอมให้เสียความเมตตา นับว่ามีความปรารถนาดีแม้แต่กับศัตรู ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากอย่างยิ่ง

"นิสัยไม่ผูกใจเจ็บ, ไม่เก็บโทษเอามาคิด, มุ่งคิดสงเคราะห์, ไม่ชอบทะเลาะเบาะแว้ง,
ไม่ชอบแกล้งใคร, ไม่ทอดทิ้งใคร, ไม่ติดใจในความร้ายของผู้อื่น และหยิบยื่นไมตรี" ทั้งหมดนี้
จึงนับเป็นนิสัยในวิถีนักสร้างบารมีที่นับเนื่องเข้าในเมตตาบารมี

-----------------------------------------------

SB 405 ชาดก วิถีนักสร้างบารมี

กลุ่มวิชาพุทธวิธีในการพัฒนานิสัย

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0016483863194784 Mins