ในยามที่พระพุทธศาสนามีภัย..ชาวพุทธควรทำอย่างไร ???
จากตัวอย่างเมื่อ 200 กว่าปีก่อนที่ประเทศศรีลังกา ชาวพุทธถูกศาสนิกอื่นรุกรานอย่างหนัก อีกทั้ง...ยังถูกกดขี่ข่มเหงทางศาสนาอย่างรุนแรง จนไม่อาจที่จะจัดงานสำคัญทางศาสนาได้ ไม่เพียงเท่านั้น...หนังสือหรือสื่อสาธารณะต่างๆ ต่างก็ได้ร่วมมือกันถล่มพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปริมาณชาวพุทธลดลงอย่างฮวบฮาบ และวัดร้างก็เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ทั้งๆ ที่พระพุทธศาสนาก็เคยเจริญรุ่งเรืองอยู่บนเกาะแห่งนี้มายาวนาน
ทำไม...ถึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ คำตอบก็คือ...ชาวพุทธโดยส่วนใหญ่ต่างนิ่งเฉย พร้อมใจกันวางอุเบกขา ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้าหรือตอบโต้ต่อผู้เข้ามารุกรานเลยแม้แต่น้อย จวบจนกระทั่งมีวีรบุรุษท่านหนึ่งได้อุบัติขึ้น นั่นก็คือ “ท่านคุณานันทะเถระ” ผู้เปรียบประหนึ่งเปลวประทีปดวงสุดท้ายบนเกาะแห่งนี้ หากไม่มีท่าน...พระพุทธศาสนาก็คงจะสูญสิ้นไปจากศรีลังกาเสียแล้ว แต่เพราะได้ท่านมาช่วยกอบกู้และเป็นทนายแก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนา กล้าที่จะออกมาเผชิญหน้าต่อศาสนิกอื่นที่มารุกรานด้วยความองอาจ อีกทั้ง...ยังมุ่งประกาศพระสัทธรรมโดยไม่เกรงกลัวต่อภัยใดๆ เลยแม้แต่น้อย จนในที่สุด...ท่านก็สามารถกอบกู้และฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองได้ดังเดิม
ในยามนี้...พระพุทธศาสนาบนผืนแผ่นดินไทยกำลังถูกคุกคามจากภัยหลายๆ ด้าน ทั้งจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีและผู้ที่ไม่อยากจะเข้าใจ หากพวกเราพุทธบริษัท 4 ต่างวางเฉย แล้วใครเลยจะลุกขึ้นมากอบกู้พระศาสนา หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ พระพุทธศาสนาบนผืนแผ่นดินไทยก็คงจะมิต่างอะไรไปจากศรีลังกาในยามนั้นอย่างแน่นอน แล้วพวกเราจะยอมกันได้หรือ? ในเมื่อพวกเราได้เกิดมาเป็นมนุษย์...ได้มาพบพระพุทธศาสนาแล้ว เราจะปล่อยให้พระพุทธศาสนาล่มสลายไปในยุคของเราได้อย่างไรกัน!!...
ฉะนั้น...พวกเราจะต้องมาร่วมด้วยช่วยกัน ทำหน้าที่เป็นทนายแก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนาดังเช่นท่านคุณานันทะเถระ ที่ออกมาชี้แจงแสดงความจริงให้ชาวโลกได้รับรู้ว่าพระพุทธศาสนานั้นดีอย่างไร และทำไมทุกคนจะต้องออกมาช่วยกัน เพราะหากพุทธบริษัท 4 ไม่ร่วมกันสู้ แล้วใครจะกอบกู้พระพุทธศาสนา
“ เรื่องส่วนตัวให้วางอุเบกขา เรื่องพระศาสนาให้เอาอุเบกขาวาง ”
Cr.เรือดำน้ำสีส้ม