ดับเดือน..ดับดาว

วันที่ 21 กย. พ.ศ.2559

ดับเดือน..ดับดาว,พระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร),บทความประจำวัน

 

 

ดับเดือน..ดับดาว

ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังดำเนินไปอย่างยาวนาน ถึง 6 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2482 - 2488 ช่วงนั้น..หลวงปู่ ก็คุมทีมงานทำวิชชาตลอด 24 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น 2 กะ คือ กะกลางคืน กับกะกลางวัน ซึ่งแต่ละกะจะต้องนั่งทำวิชชากันนานถึง 6 ชั่วโมง อย่างต่อเนื่อง คือ ตั้งแต่ 6โมงเช้าถึงเที่ยงวัน เที่ยงวันถึง 6 โมงเย็น 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน และก็..เที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า หมุนเวียนต่อเนื่องกันไปแบบนี้... ซึ่งการทำวิชชาโดยไม่ได้หยุดเลยแม้แต่เพียงวันเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะทีมงานทุกคนต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ หยุดใจให้สนิทกับธรรมะภายในอย่างตลอดต่อเนื่อง เพื่อทำวิชชาให้สงครามยุติให้ได้ หนำซ้ำช่วงนั้น..ก็ต้องกินแต่มะละกอดอง กับเต้าหู้ยี้เท่านั้น
 
ดังนั้น หลวงปู่ท่านก็เลยหาวิธีให้ทีมงานของท่านรู้สึกผ่อนคลาย..ซึ่งในการผ่อนคลายนี้ หลวงปู่ท่านก็ไม่ได้พาไปเที่ยวไหน เพราะระดับหลวงปู่แล้ว ท่านสามารถพาไปได้ยิ่งกว่านั้น คือ ท่านพาไปดับเดือนดับดาวได้เลยทีเดียว..!!!

อย่างในสมัยก่อน..เรามักจะได้ยินคนเขาพูดกันว่า.. อยากได้อะไรจะหามาให้ ยกเว้นดาวกับเดือน... แต่สำหรับหลวงปู่แล้ว..แม้ดาวเดือน..ซึ่งเป็นสิ่งที่หามาได้ยาก ท่านก็สามารถเอามาให้ลูก ๆ ของ ท่านเล่นได้..

ซึ่งวิธีการของท่าน ก็ไม่ต้องมาลงทุนสร้างยานอวกาศ แล้วนั่งไปในอวกาศให้มันเสียเวลา เพราะวิธีการไปดับเดือน-ดับดาวของท่าน สามารถทำได้โดยการนั่งสมาธิ คือ วันหนึ่ง..หลวงปู่ก็บอกกับพวกที่ทำวิชชาว่า “เออ..วันนี้ เรามาดับดาวดวงนั้น..ดวงนี้ กันดีกว่า...” แต่ก็ไม่ใช่ดับซี้ซั้ว หรือดับหมด คือ หลวงปู่ท่านจะสั่งให้ดับเฉพาะดวงที่เป็นสถานีรับส่งกระแสบาปและอกุศล ที่ส่งมาเชื่อมโยงกับใจมนุษย์ และส่งผลร้ายทำให้เกิดโทษภัยกับโลกและมวลมนุษยชาติ เช่น ทำให้มนุษย์รบราฆ่าฟันกัน เกิดข้าวยากหมากแพง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล เกิดโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรง เศรษฐกิจตกต่ำ เป็นต้น

เริ่มต้นด้วยการที่หลวงปู่ท่านออกไปยืนดูดาวนอกโรงงานทำวิชชา แล้วกลับมาสั่งงานในโรงงานว่า ให้ดับดวงนี้..ดวงโน้น... ซึ่งหลวงปู่ท่านจะสอนให้นั่งดับในที่ โดยใช้หลักการที่ว่า ท่านจะให้นั่งเข้าที่..สาวไปหาต้นเหตุว่า จุดเริ่มต้นของแสงสว่าง ต้นแหล่งในการผลิตกระแสบาป ที่เป็นโทษภัยต่อมนุษย์ มาจากไหน คือ ท่านให้สาวไปหาต้นตอให้เจอ จากนั้นก็ไปดับที่นั่น

และเมื่อทำวิชชาดับแล้ว..ดาวก็จะดับลง และเมื่อดาวดับ ผลร้ายที่จะเกิดจากดาวดวงนั้นก็จะไม่เกิดขึ้นกับมนุษย์ หรือหากเกิด ก็จะผ่อนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นหาย จากร้ายเป็นดี...

และเมื่อนั่งเข้าที่ดับกันเสร็จแล้ว หลวงปู่ท่านก็จะแบ่งพวกทำวิชชาครึ่งหนึ่งออกไปดูว่าดับได้จริงหรือเปล่า ซึ่งในสมัยนั้น การทำวิชชาดับดาว ถือว่าเป็นความสามารถเพียงเล็กน้อยของพวกที่ทำวิชชาได้ เพราะมีสามเณรหลายรูปสามารถดับดาวได้เป็นว่าเล่น เหมือนเป็นเรื่องปกติ ซึ่งการดับดาวนั้น จะดับเดี่ยวก็ได้ หรือจะดับเป็นทีมก็ได้

 
 
Cr. ร. ลิ่วเฉลิมวงศ์ สำนักสื่อธรรมะ
 
 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.015274182955424 Mins