ในสมัยที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ มีเศรษฐีตระกูลหนึ่ง ชื่อ ตระกูลรุ่งแสง เป็นเจ้าของที่นา แถวบางนา กรุงเทพฯ ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากกองทัพหนูได้เข้ามากัดกินข้าวในนาจนเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก รวมทั้งเกษตรกรที่เป็นเจ้าของนาข้าวแถวนั้น ก็ได้รับความเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า จนทำให้ต่างคนต่างกำจัดหนู ฆ่าหนูด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา แต่ยิ่งฆ่าก็เหมือนยิ่งยุ คือผืนนาไหนที่มีคนทำร้ายหนูมาก หนูมันก็ยกพวกมารุมกินข้าวจนหมดแบบไม่เหลือเลย และด้วยเหตุนี้เอง เศรษฐีตระกูลรุ่งแสงผู้นี้ จึงมากราบเรียนปรึกษาหลวงปู่ เพราะไม่มีปัญญาจะจัดการกับหนูแล้ว ซึ่งท่านก็บอกกลับไปว่า
“เอ็งอย่าไปฆ่าหนูนะ แต่เอ็งไปยืนอยู่ที่คันนา แล้วจุดธูปพูดกับมันดี ๆ ว่า ให้แบ่งกันกิน..แล้วก็เหลือไว้บ้าง อย่ากินหมด จะได้เอาไว้เลี้ยงพระบ้าง เอาไว้ทำบุญบ้าง เอาไว้เลี้ยงชีวิตบ้าง แล้วก็เอาธูปปักไว้ตรงนั้น”
จากนั้นหลวงปู่ท่านก็เข้าไปสั่งงานในโรงงานทำวิชชาว่า “ให้ไปตามหัวหน้าหนู แล้วสั่งหัวหน้าหนูให้กระจายข่าวออกไปถึงบรรดาลูกน้องหนูด้วยว่า ที่นาตระกูลรุ่งแสงให้กินแค่นิดหน่อยพอ อย่าไปทำลายนาข้าวของเขา ให้เหลือไว้ให้เจ้าของเค้าทำบุญ เอาไว้ให้เขาขายเลี้ยงชีพบ้าง”
นับจากนั้น ก็มีเรื่องประหลาดสุด ๆ เกิดขึ้นจริง ๆ เพราะนาข้าวแถวย่านบางนาทั้งหมด โดนกองทัพหนูบุกทำลายกัดกินข้าวจนเหี้ยนเตียนแทบไม่เหลือเลย ยกเว้นนาข้าวของเศรษฐีตระกูลรุ่งแสง ที่โดนกองทัพหนูกัดกินไปแค่ 1 งานเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ปีนั้นเศรษฐีตระกูลรุ่งแสงคนนี้ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตจากนาข้าวส่วนที่ไม่ถูกหนูกินได้มาก และกลายเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ ที่มีข้าวขายเป็นจำนวนมากอยู่เจ้าเดียวในช่วงนั้น จนทำให้เงินทองไหลมาเทมาร่ำรวยขึ้นไปอีก และเศรษฐีตระกูลรุ่งแสงคนนี้ ก็ได้มาทำบุญเลี้ยงพระที่วัดปากน้ำ และเป็นอุปัฏฐากคนสำคัญคนหนึ่งของหลวงปู่วัดปากน้ำในสมัยนั้น...
Cr. ร. ลิ่วเฉลิมวงศ์ สำนักสื่อธรรมะ