รักที่บริสุทธิ์

วันที่ 10 พย. พ.ศ.2559

 

รักที่บริสุทธิ์,ที่นี่มีคำตอบ ฉบับ มินิ เล่ม 4 รักนี้สีอะไร,บทความประจำวัน

 

 

รักที่บริสุทธิ์

 

มีนักเรียนในโรงเรียนช่างกลแห่งหนึ่ง โรงเรียนอยู่ริมน้ำ พวกขายเฮโรอีนจะนําเอามาขายทางเรือ โรงเรียนมัวแต่ค้นกางเกงนักเรียนทางบก จึงไม่มีทางพบ นักเรียนที่นั่นจึงชวนกันติดผงขาวงอมแงมไปตามกัน เด็กหนุ่มคนนี้ก็ขัดเพื่อนไม่ได้ ติดยาตามเพื่อนไปด้วย แต่บังเอิญแกเป็นเด็กที่มีพื้นจิตใจเป็นคนดี เห็นความทุกข์ยากของพ่อแม่ที่ท่านช่วยกันทํามาหากินด้วยความเหน็ดเหนื่อย ตนเองมาพูดปดเพื่อหลอกลวงเอาเงินไปซื้อยา อ้างเรื่องซื้อเครื่องมือ ซื้อหนังสือ ซื้ออุปกรณ์อย่างโน้นอย่างนี้ แต่เอาเงินไปซื้อเฮโรอีน จึงเกิดความละอายใจ วันหนึ่งจึงหนีออกจากบ้าน ทิ้งจดหมายลาพ่อแม่ไว้ แม่ของเด็กเป็นครูในโรงเรียนเดียวกับข้าพเจ้า กําจดหมายฉบับนั้นร้องไห้มาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าปลอบไปตามที่เห็นสมควร

“ถ้าเขาเกิดมาเป็นลูกเรา มาอุปถัมภ์ค้ำชูกัน คงไม่เป็นอันตรายอะไร คงกลับมาได้ เพราะถึงเราจะเป็นห่วงแค่ไหน เราก็ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ใด ติดตามไม่ถูก ทําได้อย่างเดียวคือคอย ถ้าไม่กลับมาแสดงว่าตาย ก็ถือว่าเขากับเราทําบุญเป็นแม่ลูกกันมาเพียงเท่านี้ เสียใจไปก็ไม่ได้ลูกคืน”

ปลอบแล้วข้าพเจ้าก็ขออนุญาตเจ้าตัว ขอเอาจดหมายลูกชายของเขามาอ่านให้นักเรียนทั้งโรงเรียนฟัง ในตอนเข้าแถวเคารพธงชาติ เพื่อให้ทุกคนเห็นตัวอย่างของการหลงเชื่อเพื่อนเลวๆ ทําให้ติดยาเสพติด บอกกับครูผู้นั้นว่า

“อย่าคิดว่าเป็นเรื่องน่าอับอายเลยนะ ถือว่านําเอาตัวอย่างเรื่องจริง ชีวิตจริงของเรามาสอนเด็กเป็นธรรมทานเถอะ ให้เห็นถึงความรู้สึกจริงๆ ของคนที่ติดยา และให้เห็นความทุกข์โศกของเราที่เป็นพ่อแม่ บุญกุศลที่เกิดจากธรรมทานนี้จะได้เป็นผลานิสงส์ ปกปักรักษาลูกให้รอดชีวิตมาอยู่กับเรานะ แรงอธิษฐานของแม่น่ะศักดิ์สิทธิ์นัก เพราะความรักความเมตตาของใครจะบริสุทธิ์เท่าของพ่อแม่ไม่มีเลย”

ครูผู้นี้เห็นดีด้วย เพราะเวลานั้นเด็กๆ ในโรงเรียนก็มีอยู่หลายรายที่ติดสิ่งเสพติดเหล่านี้ และกําลังระบาดมากในหมู่เยาวชน ถ้านํามาสอนด้วยเรื่องจริงๆ ย่อมจะทําให้เด็กๆ เกรงกลัว ไม่หลงเชื่อคนที่มาชักชวน ก็เหมือนป้องกันเด็กให้พ้นจากอบายมุขข้อนี้ นับเป็นกุศลใหญ่ เขาจึงตอบว่า

“ตกลงค่ะ อาจารย์ไม่ต้องอ่าน ดิชั้นขออ่านเอง จะเล่ารายละเอียดอาการของคนติดยาให้เด็กฟังด้วย เพราะได้พบเห็นมากับตัวเอง ทั้งจะบรรยายความรู้สึกเศร้าโศกที่เกิดกับตนเองซึ่งเป็นแม่ เมื่อรู้ว่าลูกเป็นอย่างนี้” ข้าพเจ้ายิ้มอย่างให้กําลังใจ ตอบอนุญาต

“ดีแล้ว เวลาเล่าถ้าอยากร้องไห้ ก็ร้องออกไปเลย ให้เสียงออกไปทางไมโครโฟนนั่นแหละ นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ละคร ให้เด็กเห็นทีเดียวว่าถ้าเขาติดยา พ่อแม่ก็จะต้องเศร้าโศกยังงี้”

ข้าพเจ้าสนับสนุนดังนั้น และเห็นว่าถ้าครูผู้นี้ได้ระบายทุกข์โศกออกไปอย่างที่ให้ทํานี่แล้ว จิตใจจะค่อยคลายจากความทุกข์ลงได้บ้าง

หลังจากครูเวรให้โอวาทประจําวันแล้ว ข้าพเจ้าก็เกริ่นเรื่องโทษของยาเสพติดให้นักเรียนฟัง พร้อมทั้งบอกว่า

“วันนี้ขอให้นักเรียนทุกคนตั้งใจฟังให้ดี ครูมีตัวอย่างเรื่องจริงๆ ที่เกิดขึ้นกับครูคนหนึ่งของพวกเรา คือครู... ที่ยืนอยู่ข้างๆ ครูนี่ ครู... มีเรื่องจะเล่าให้ลูกฟัง”

ครูผู้นี้ได้เล่าถึงความทุกข์ยากลําบากในการเลี้ยงดูลูกๆ ซึ่งมีอยู่ถึง ๔ คน ในเวลาที่ลูกๆ ยังเล็ก อาชีพของเธอเป็นเพียงคนรับจ้างเย็บเสื้อมีรายได้ไม่มาก เพราะต้องเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน ไม่มีเงินจ้างคนเลี้ยง บิดาของเด็กรับจ้างขับรถแท็กซี่ ไม่ใช่ทํางานบริษัทอย่างในเวลาปัจจุบัน ต้องประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่มีแม้กระทั่งไฟฟ้าและน้ำประปา ต้องใช้ตะเกียงและน้ำคลองซึ่งสกปรกมาก ใช้น้ำคลองอาบกระทั่งเป็นโรคผิวหนัง แต่ตั้งใจเลี้ยงลูกมาเป็นอย่างดี ส่งเสียให้เรียนในระดับวิทยาลัยตามความสามารถ สําหรับลูกคนที่เป็นต้นเหตุให้ต้องร้องไห้อยู่นี่ เมื่อประมาณสิบกว่าขวบเคยถูกรถไฟเฉี่ยวเป็นแผลเนื้อหลุดเหวอะหวะทั้งขา ต้องอุ้มไปทําแผลที่ร้านหมอเป็นระยะทางไปกลับประมาณ ๕ กิโลเมตรทุกวัน เพราะบ้านอยู่ในสวน ไม่มีทางรถเข้าไปได้ หวังจะให้ลูกได้ดีเป็นที่พึ่งของตนเองและพ่อแม่บ้าง ก็มาถูกเพื่อนชักชวนให้ติดยาเสพติด เพิ่งจับได้เมื่อเร็วๆ นี้ กําลังจะนําไปรักษาตัว ลูกก็มาหนีออกจากบ้านไป ทิ้งจดหมายไว้ว่า

“กราบเท้าคุณพ่อคุณแม่ที่เคารพสูงสุด

ผมเป็นลูกที่เลวมาก ไม่สมควรที่พ่อแม่จะรักผมเลย ผมทําให้พ่อแม่ผิดหวัง เป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องไม่ได้ พ่อกับแม่ต้องลําบากเลี้ยงผมมาเกือบยี่สิบปี ยังไม่ทันได้ตอบแทนสิ่งใดเลย ผมมาหลงเชื่อเพื่อน เสียคนไปเสียก่อน ผมจะพยายามกลับตัว จะต้องอดยาให้ได้ จึงต้องกราบเท้าลาพ่อกับแม่ไป วิธีอดยาของผมรุนแรงมาก ถ้ารอดตายมาได้ก็จะหายขาด แต่ถ้าร่างกายทนไม่ไหว มันจะต้องถึงกับตาย ถ้าผมหายขาดได้ผมจะกลับมาเป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่ต่อไป จะไม่ยอมทําตัวเลวทรามอย่างนี้อีก แต่ถ้าผมไม่กลับมา ขอให้พ่อกับแม่เลิกคิดถึงผม เพราะผมคงตายจากไปแล้ว

ขอให้พ่อกับแม่ยกโทษให้ลูกที่เลวทรามคนนี้ด้วย ผมขอกราบเท้าลา...

ตลอดเวลาที่ครูผู้นี้เล่าไปอ่านไป ต้องหยุดเป็นระยะๆ ร้องไห้สะอึกสะอื้น ทั้งเด็กและครูต่างพากันร้องไห้ตามด้วยความสงสาร นอกจากนั้นยังเล่าถึงอาการทุรนทุรายทุกข์ทรมานต่างๆ ที่ลูกชายของเธอเป็นอยู่เมื่อหายามาเสพติดไม่ทัน ทําให้เด็กๆ รู้สึกหวาดกลัวยาเสพติดไปตามๆ กัน

ที่เป็นประโยชน์มากที่สุด ตรงที่เธอเล่าถึงความเสียใจของเธอและพ่อของเด็ก ต่างมีความทุกข์อย่างสาหัส ถึงกับกินข้าวไม่ลงเป็นวันๆ นอนไม่หลับติดกันหลายๆ คืน เธอไม่ได้ตําหนิติเตียนลงโทษลูกแต่ ประการใด เพราะเห็นเด็กเสียใจมากอยู่แล้ว

ครูผู้นั้นได้อธิบายเรื่องการอดยาของลูกชายให้ข้าพเจ้าฟังที่ว่าต้องเอาชีวิตเข้าแลก เพราะสมัยนั้นยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผล เด็กๆ ที่ติดยาใช้วิธีกินเหล้าแม่โขงคนเดียวรวดทั้งขวด เป็นเหล้าล้วนๆ ไม่เติมสิ่งใดเลย เป็นการรักษาแบบหนามยอกเอาหนามบ่ง ใช้ของเสพติดแก้กันเอง แต่ร่างกายคนติดยาอ่อนแอมากอยู่แล้ว มันทนไม่ไหว ตายเสียก็หลายราย ถ้าไม่ตาย รอดได้ มักอดยาได้จริงๆ รายนี้หนีพ่อแม่ไปทําวิธีนี้เหมือนกัน กินเหล้าทั้งขวดสลบไปถึง ๓ วัน จึงฟื้นกลับมาบ้านได้ แม่อยู่บ้านก็เฝ้าสวดมนต์ภาวนา เป็นทุกข์แทบขาดใจทั้งพ่อแม่ เด็กเอาชนะใจตนเองได้ เลิกได้เด็ดขาดตั้งแต่นั้นมา


 

 

 

ชื่อเรื่องเดิม : ลูกติดยา

Cr. อุบาสิกาถวิล(บุญทรง) วัติรางกูล

จากความทรงจำ เล่ม2

 

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.014111550649007 Mins