ครูบาอาจารย์ที่ศิษย์ต้องการ

วันที่ 27 เมย. พ.ศ.2560

ครูบาอาจารย์ที่ศิษย์ต้องการ,วาไรตี้,บทความประจำวัน

 

เรื่องที่ ๑ ครูบาอาจารย์ที่ศิษย์ต้องการ(ช่วงที่ ๔ หลุมพรางสำหรับปัญญาชน)

 

 ชีวิตในมหาวิทยาลัย มีอิสระเสรีโนการที่จะเลือก

   เรียนรูใหัตัวเอง มีอิสระที่จะเลือกทำกิจกรรมเพื่อ

ส่วนรวม แต่อย่างไรก็ตาม ลัาใครไม่ระมัดระวัง

      เรื่องการใช้เวลานอกเวลาเรียนให้ดี พอเรียนจบมา

      แลัว ก็อาจจะอยูในลักษณะที่ว่า "เรื่องที่ควรได้เรื่อง

     กลับไม่ไตัเรื่อง ส่วนเรื่องทึ๋ไม่ได้เรื่อง กลับได้เรื่อง"

            ทำอย่างไรเราจึงจะเลือกเรื่องที่ต้องเรียนรู้ หรือเลือกกิจกรรมที่ควรทำเป็นคำตอบก็คือ ต้องเลือกครูอาจารย์เป็น แล้วเข้าไปอยู่ใกล้ๆเข้าไปไต่ถาม นำ กลับมาไตร่ตรอง แล้วทดลองนำไปปฏิบัติติดขัดอะไรก็กลับไปสอบถามท่านใหม่ ทำ อย่างนี้ จึงจะได้ความรู้ดีๆ นอกเวลาเรียนแล้วก็กลายเป็นความผูกพันหลังจากเรียนจบไปแล้วด้วย

           แต่เนื่องจากว่า ครูอาจารย์ก็มีอยู่หลายประเภท เพราะฉะนั้นก็ต้องรู้วิธีคัดเลือกครูก่อน ซึ่งพระอาจารย์ของผมท่านได้ให้หลักไว้อย่างนี้

    "คนเราจะเอาดีได้ ก็เพราะได้ครูดี แต่เนื่องด้วยงานของครูนัน มีอยู่ ๒ งบด้วยกัน คือ งบแนะ งบนำ

๑) งบแนะ คือ การสอนทั้งด้านวิชาการและคุณธรรม

๒) งบนำ คือ การสอนสาธิตความรู้ และประพฤติเป็นตัวอย่างที่

ดีให้ศิษย์ดูโดยไม่มีคำว่านอกเวลาหรือในเวลา

และจากงาน ๒ งบของครูนี้เอง จึงสามารถแบ่งครูได้ออกเป็น ๔ ประเภทคือ

๑) ครูที่แนะดี และนำดี

        ครูบาอาจารย์อย่างนี้ ท่านจัดเป็น "ปูชนียบุคคล" คือเป็นบุคคลที่สมควรได้รับการยกย่องเทิดทูนบูชา

   ลูกศิษย์ต้องหมั่นกราบไหว้อยู่เสมอ

       ลูกศิษย์บางคนที่ไม่เข้าใจ อาจจะมีคำถามว่า ท่านก็ได้รับค่าสอนอยู่แล้ว ทำ ไมต้องกราบไหว้ท่านด้วย จะไม่เป็นการเอาเปรียบลูกคืษย์หรือ ?

     ปูย่าตาทวด ท่านก็ตอบว่า ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะคนเราต้องกินต้องใช้ เงินเดีอนที่ได้รับเป็นค่าตอบแทนสำหรับงบแนะ เป็นค่าวิชา จะได้มีกินมีใข้ แต่งบนำ คือ ความประพฤติคือที่ท่านทำเป็นตัวอย่าง

    เนื่องจากท่านทำงบส่วนนี้ด้วยใจ เราจึงควรตอบแทนท่านด้วยใจเช่นกันคือ หมั่นกราบไหว้บูชาด้วยความซาบชึ้งในพระคุณ แม้แผ่นดินกลบหน้าก็ยังไม่ลืม

       แล้วปูย่าตาทวดท่านยังกำชับอีกว่าล้าลูกของเราได้พบได้รํ่าเรียนกับครูบาอาจารย์ประเภทนี้แล้ว ไม่ตั้งใจให้ความเคารพ ไม่ตั้งใจเล่าเรียนเขียนอ่าน ถอดแบบความดีงาม ความสามารถมาจากท่าน ก็นับว่าเป็นความผิดพลาดอย่างมห้นด์ เข้าขั้นเป็นลูกศิษย์ที่ใชัม่ได้ เป็นลูกศิษย์เลวๆ กันทีเดียว

  ๒) ครูที่แนะดี แต่นำไม่ดี

     ปู่ย่าตาทวด ท่านบอกว่า ครูประ๓หนี้ ถ้าเป็นพ่อเฟ เมื่ออยู่ต่อหน้าลูก ก็ให้การสั่งสอนอบรมดี แต่ว่าพอเลิกให้คำอบรมสังสอนลูกแล้วท่านก็ทำตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูกดู เช่น เหล้าเป็นของไม่ดี สอนลูกว่าอย่ากินเหล้า แต่พออยากกินขึ้นมา ก็เรียกหาลูกให้ไปชื้อหามาให้ ถ้าอย่างนี้เด็กก็ยากจะเชื่อว่า เหล้าเป็นของไม่ดี เพราะเห็นพ่อแม่กินประจำเป็นต้น

     แต่ถ้าเป็นครูในโรงเรียน เมื่ออยู่ในห้องเรียน ท่านก็ตั้งใจสอนดีแต่เวลาอยู่นอกห้องเรียนความประพฤติของท่านยังถือเป็นตัวอย่างไม่ได้ท่านองเดียวกัน คือ เวลาสอนก็สอนว่าเหล้าไม่ดี การพนันไม่ดี แต่พอออกนอกเขตโรงเรียน เหล้าก็ดื่มจนเมาแประ การพนันทุกชนิดชํ่าซองหมดหรือวันดีคืนดีอาจจะพาลูกคืษย์ไปเข้าบาร์เข้าคลับเสิยเอง ซึ่งเป็นการขัดกับคำสอนของท่านในห้องเรียน คือ ท่านสามารถแนะความรู!ด้อย่างดี

แต่ความสามารถในการนำความประพฤติของท่านหย่อนไป

        ใครได้พบได้เรียนกับครูบาอาจารย์ประ๓ทนี้ ก็มีความจำเป็นว่าความรู้ของท่านมีมากเท่าไร ให้พยายามกวาดเรียนมาให้หมด และขณะที่เข้าไปกวาดความรู้มาจากท่าน ก็ต้องระวัง อย่าไปติดความประพฤตินักดื่มเหล้าของท่านมาหรือแม้แต่วิชาลูกเต่าช่อนไพ่ของท่านก็ไม่เอาทั้งนั้นเพราะเป็นวิชาทำความเสิอมให้เกิดกับตัวเอง เป็นอบายมุขที่ทำให้เราถึง กับเสียผู้เสียคนรู้จักคัดเลือกอย่างนี้แล้วจึงจะรอดตัว

       ปู่ย่าตาทวด ท่านเรียกครูประ๓ทนี้ว่า "ลูกจ้างสอนหนังสีอ" เพราะธรรมดาลูกจ้างมักจะไม่ทำอะไรให้เต็มกำลังความสามารถ

       เหตุที่ปู่ย่าตาทวดท่านพูดแรงขนาดนี้ ก็เพี่อต้องการเตือนสติว่า ครูคือ ผู้รับผิดชอบอนาคตของชาติ คนในชาติจะมีคุณภาพ หรือด้อยคุณภาพก็อยู่ที่ประสิทธิภาพของครู เพราะฉะนั้น ครูที่ดีจึงต้องทั้งสอนให้ดี และนำให้ดี จึงจะได้ลูกดีษย์ดี และเป็นครูที่ลูกศิษย์ไม่ลืม

   ๓) ครูที่แนะไปดี แต่นำดี

        ครูบาอาจารย์ประ๓ทนี้ ท่านสอนด้วยการทำให้ดู ท่านอาจจะอธิบายให้ลูกศิษย์ฟังไม่เก่ง แต่ท่านสอนให้ลูกศิษย์ทำได้ พูดง่ายๆ ก็คือท่านเก่งภาคปฏิบัติ แต่ท่านไม่เก่งการสอน

      การจะได้ความรู้จากครูบาอาจารย์ท่านนี้ มีทางเดียวคือต้องไปช่วยท่านทำงาน ติดขัดอะไรให้ขยันชักถามท่าน แล้วท่านก็จะบอกเทคนิคต่างๆ ในภาคปฏิบัติให้แก่เรา ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีในตำรา แต่มาจากประสบการณ์ ทำ ให้เรามีความชำนาญทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ

๔) ครูที่แนะก็ไปดี น่าก็ไปดี

      ปูย่าตาทวดท่านบอกว่า ครูประ๓ทนี้ คือครูที่ทั้งสอนก็ไม่รู้เรี่องไม่ตั้งใจสอน ไม่เตรียมการสอน ความประพฤติก็เสียหาย เกะกะเกเรลือเป็นแบบอย่างไม่ได้ไม่มีแม้แต่ความน่ารักเคารพ

     ปูย่าตาทวดท่านบอกว่า ครูบาอาจารย์ประ๓ทนี้โบราณท่านเรียกว่า "โจรปล้นลูกศิษย์" คือปล้นเอาคุณธรรมความดีที่ครูบาอาจารย์คนก่อนเขาปลูกฝังเอาไว้ให้ไปจนหมดสิน แล้วถ่ายทอดนิสัยเลวๆ เข้าไปไว้แทนที่

       พ่อแม่ส่งลูกมาอยู่กับครูประเภททนี้ไม่นาน ความดีของลูกก็จะถูกล้างผลาญจนหมดสิ้น กลับไปถึงบ้าน พ่อแม่อาจจำไม่ได้ เพราะนึกไม่ถึงว่าลูกจะเลวทรามลงถึงปานนี้

 

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.02389866511027 Mins