เรื่องที่ ๕ ค้นหาความจริงของชีวิต (ช่วงที่ ๖ บัณฑิตย่อมฝึกจิตให้ผ่องใส)
ผมมีข้อสังเกตว่า นับจากวันแรกเกิด การเรียนรู้เป็นสิงที่คู่มากับชีวิตคนเรา อุปกรณ์ที่เราใช้เรียนรู้ก็คืออวัยวะต่างๆ ฃองร่างกาย ไล่ลำดับไปตั้งแต่ตา ใช้ดู หูใช้ฟัง จมูกใข้ดม ปากใข้กินกับใช้พูด กายใช้สัมผัส โดยใจมีหนัาที่เป็นหัวหนัาคอยสั่งการ และรับทราบการรายงานผลของอวัยวะ คนทุกคนที่เกิดมาบนโลกโบนี้เริ่มตันเรียนรู้จากสิ่งที่คนร่นก่อนทำเอาไวัทั้งนั้น ถ้าจะพูดว่า เราเรียนรู้โลกจากของเก่า ก็ดูไม่ผิดอะไร
คนเราส่วนใหญ่ ถ้าไม่พิกลพิการไม่ปัญญาอ่อน ก็จัดว่ามีอุปกรณ์การเรียนเหมีอนกัน คือ ตา หู จมูก ปาก ลิน กาย และใจ แต่ปรากฏว่าแต่ละคนใซ้สิ่งที่ได้มานั้น เรียนรู้ของเก่าในโลกนี้ได้ไม่เท่ากัน ใครมองออกได้มากเท่าไร ก็มีปัญญาติดตัวไปมากเท่านัน ใครมองไม่ออก ก็ไม่สามารถสร้างปัญญาขึ้นมาให้แก่ตัวเอง ปัญญาของคนจึงไม่ขึ้นอยู่กับว่า เขาจะเป็นคนรวยหรีอคนจน จะเป็นคนรูปหล่อ หรีอตัวดำ สำคัญที่เขา ใซ้ตันทุนที่ติดตัวมานั้นเรียนรู้ของเก่าในโลกนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
ทุกอย่างต้องมีการฝึก และดูเหมือนว่า การฝึกทั้งหมดมีศูนย์กลางอยู่ที่ใจ และบทฝึกที่ ๑ หรีอบทฝึกขั้นอนุบาลของคนเราก็คือ "การสังเกต"ใจของไครละเอียดมากเท่าไร ก็จะสามารถสังเกตได้มากเท่านั้น สังเกตได้มากเท่าไร ก็เกิดปัญญามากขึ้นเท่านั้น เพราะเป็นการเปิดประตูไปสู่การเรียนรู้ที่ละเอียดลึกขึ้ง ด้งคำกล่าวที่ว่า "เพียงได้ดูก็เป็นครูได้"
ที่สำคัญคือ ใครใช้สิงเหล่านี้ไปไนทางใด ก็ได้ปัญญาในทางนั้น
ถ้าใช้ไปในทางดีด สี ตีเป่า ก็กลายเป็นนักดนตรี
ถ้าใช้ไปในทางขีดๆเขียนๆก็กลายเป็นนักประพันธ์
ถ้าใช้ไบปทำความชั่ว ก็กลายเป็นโจร
และตรงข้ามถ้าใชั่ใปทำความดี ก็กลายเป็นคนดีที่โลกต้องการ
แต่ไม่ว่าจะใช้ไปทางไหน เราได้ปัญญาจากของเก่าที่มีอยู่ในโลกนี้ทั้งสิ้น แม้แต่เทคโนโลยีที่เราใซ้อยู่นี้ ก็พัฒนามาจากของเก่าทั้งสิน ทั้งๆทึ่แต่เดิมมันก็เคยเป็นของใหม่มาก่อน
สิ่งที่น่าคิดก็คือ เมื่อเรายิ่งอยู่ในโลกนี้นานๆ ก็ดูเหมือนว่า เราจะรู้จักโลกนี้มากขึ้น ตั้งแต่รู้ว่า โลกนี้มีกี่ประเทศ มีแม่นํ้าสายสำคัญกี่สาย มีบุคคลสำคัญกี่คน แต่เมื่อความตายมาถึง เราจึงได้รู้ว่า เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องในโลกนี้ เพราะแม้แต่ธรรมชาติของเรา คือ ความตายเราก็ยังตอบไม่ไคัว่า ตายแล้วไปไหน และเราเกิดมาทำไม
แบ่งเวลาคันหาความจริงของชีวิตกันเถิดครับ เริ่มต้นจากการทำสมาธิ ฝึกจิตให้ผ่องใสนี่แหละ