วิชชาธรรมกาย

วันที่ 07 มิย. พ.ศ.2560

 

วิชชาธรรมกาย,วาไรตี้,บทความประจำวัน

 

วิชชาธรรมกาย

            คำว่า "วิชชาธรรมกาย" ประกอบไปด้วย ๒ คำ คือคำว่า "วิชชา" กับคำว่า "ธรรมกาย"

         "วิชชา" หมายถึง ความรู้แจ้งที่เกิดจากการเห็นแจ้ง ความเห็นที่เกิดจากจิตที่บริสุทธิ์ จากกิเลสทั้งหลาย แล้วเกิดปัญญาบริสุทธี้ รู้เห็นไปตามความเป็นจริง รู้ทั่วถึง รู้พร้อม แล้วก็รูไปสู่เป้าหมาย ถ้าเราศึกษาคงเคยได้ยินคำว่าอภิญญายะ ส้มโพธายะ นิพพานายะ คือรู้ได้ทั่วถึง รู้พร้อม รู้ไปตามความเป็นจริงและถูกต้อง

      เหมือนของที่อยู่ในที่มีดดึงมาอยู่กลางแจ้งเรากิจะเห็นช้ดเจน เข่น เชือกเปียกนํ้า ถ้าอยู่ในที่มืดๆ บางทีเราอาจจะคิดว่าเป็นงู หรือ เป็นด้วอะไรที่มันยาวๆหรืออาจจะเป็นเชือก ต้องใช้สมมติฐานต้นเดา ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ว่าเมื่อลากมาอยู่กลางแจ้งก็รู้ชัดว่า นี่แค่เชือกเปียกนํ้าเท่านั้น

      คำว่า "ธรรมกาย" ในพจนานุกรม แปลว่า หมวดหมู่แห่งธรรม เขาแปลได้แค่นั้น คือ ธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมชันธ์รวมประชุมกันเรียกว่า หมวดหมู่แห่งธรรม

     มีนักศึกษาชาวตะวันตกค้นคว้ารวบรวมความหมายของคำว่า"ธรรม" ที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกได้ ๕๐ กว่าความหมาย มีความหมายหนึ่งที่น่าสนใจ เขาบอกว่า ธรรม มีลักษณะเป็นดวงกลมๆ ใสๆ สว่างๆและมีตัวตน เพราะฉะนั้น "ธรรมกาย" คือ กายที่ประกอบไปด้วยธรรม ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ รวมประชุมเกิดเป็นก้อนกาย เป็นกายที่มีลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ

    เพราะฉะนั้น "วิชชาธรรมกาย" ก็คือความรู้แจ้งที่เกิดจากการเห็นแจ้ง ด้วยธรรมจ้กขุ แล้วก็รู้ได้ด้วยญาณทัสสนะชองธรรมกายนั้นเอง นี่เป็นเรื่องสำคัญทีเดียว

    วิชชาธรรมกายเกิดชื้นได้ด้วยธรรมกาย เป็นที่ประชุมรวมอยู่ตรงนั้น มีอยู่ในกลางกายชองมนุษย์ทุกคน มีมาดั้งเดิมตั้งแต่ดึกดำบรรพ์โน้น เริ่มต้นเมื่อไรไม่มีใครทราบ

     การที่เราเคารพกราบไหว้บูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระองค์ทรงบรรลุวิชชารรมกายก่อน แล้วก็ได้ทรงนำมาเปิดเผยกระทั่งมีผู้ตรัสรู้ตามพระองค์ เป็นพยานในการตรัสรู้ธรรมมากมายทีเดียว แต่หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ๕๐๐ ปี ความรู้ยิ่งนี้ก็หายไปคงเหลือไว้แต่ชื่อ คือ คำว่า"ธรรมกาย" ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาในนิกายต่างๆ ทั้งวัชรยาน มหายาน และเถรวาท แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ธรรมกายนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร

    จนกระทั่งเมื่อ ๘๔ ปีที่แล้ว พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ท่านได้สละชีวิตปฏิบัติธรรมกระทั่งเข้าถึงพระธรรมกาย ณ วัดโบสถ์(บน)ต.บางคูเวียง จ.นนทบุรี ความลับนี้จึงได้เปิดเผยออกมาสู่ชาวโลกอีกครั้งหนี่ง หลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ท่านบวชเมื่ออายุ ๒๒ ปี บวชได้หนึ่งวัน รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งก็ปฏิบัติธรรมแล้วศึกษาทางด้านปริยัติ ศึกษาหมดทุกสำน้กแต่ว่าไม่ได้สอบเป็นมหาเปรียญ รู้ว่าสำนักไหนมีครูดี ชำนาญในพระไตรปิฏกท่านก็จะไปศึกษาทุกหนทุกแห่ง ศึกษาด้วยตัวเองด้วย จากครูบาอาจารย์ตามสำนักต่างๆ ด้วย

    แล้วในที่สุดท่านก็สรุปว่า ความรู้จะสมบูรณ์ได้จะต้องประกอบไปด้วย ๓ ป. คือ ปริย้ติ ปฏิบ้ติ และปฏิเวธ ปริย้ติก็คือการศึกษาด้านทฤษฎีต้องอ่านต้องศึกษา ท่านอ่านหมดในพระไตรปีฎก แล้วปฏิบ้ติด้วยตนเองเรื่อยมา ไม่ว่างเวันในการปฏิบ้ติเลยแม้แต่วันเดียว รู้ข่าวคราวว่าครูไหนสำนักไหนมีการปฏิบ้ติก็ยอมตนเข้าไปเป็นศิษย์ไปศึกษา ได้เข้าถึงที่สุดแห่งความรู้ของครูบาอาจารย์ซึ่งได้แค่ดวงสว่างปรากฏอยู่แล้วครูก็ชวนท่านช่วยก้นสั่งสอนศิษย์ เช่นเดียวก้บครูบาอาจารย์ของท่าน

       แต่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากนํ้ามีความคิดว่า ความรู้แค่นี้เหมือนหางอึ่งนิดเดียว จะไปเป็นครูเขาได้อย่างไร ท่านก็กราบลามาด้วยความเคารพแล้วก็แวะเวียนไปศึกษาวิธีการต่างๆ ที่มีปรากฎอยู่ในวิสุทธิมรรค ๔๐ วิธีก็ศึกษากันมาทวหมดทุกสำนัก

      แต่ยังไม่จุใจเพราะท่านมีความรู้สึกว่า ยังไม่ถึงจุดของความรู้ตามที่ได้ศึกษาภาคปริย้ติมา ในที่สุด หลังจากที่ศึกษาทั้งทฤษฎีและปฏิบ้ติตามสำนักต่างๆมาจนย่างเข้าพรรษาที่ ๑๑ ของการบวช ในกลางพรรษาขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ท่านได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่า ว้นนี้เป็นไงเป็นกัน ถ้าหากว่าไม่ได้บรรลุธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุจะไม่ลุกจากที่ จะนั่งปล่อยชีวิตอย่างนี้เรื่อยไป แม้เนี้อเลือดจะแห้งเหือดหายไป เหลือแต่กระดูกหนังช่างมัน, ถ้าไม่รู้ไม่เห็นธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ตายเถอะ นี่เป็นความอ้ศจรรย์ของภิกษุหนุ่มวัย ๓๓ ปี ซึ่งยังไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรเลยเกี่ยวก้บหนทางไปนิพพาน ได้ศึกษาแต่พระปริย้ติ

       แล้วในที่สุดวันนั้นตามประวัติที่ท่านได้บันทึกเอาไว้ ท่านได้ทำความเพียรที่วัดโบสถ์(บน) บางคูเวียง ปัจจุบ้นนี้ในโบสถ์นั้นย้งมีพระพุทธรูปองค์ดั้งเดิมอยู่ที่นั้งก็ลุ่มๆดอนๆไม่ราบเรียบท่านเลือกเอามุมหนึ่งเป็นสถานที่นั้งสมาธิ ตัดสินใจยอมสละแม้ชีวิต เอานิ้วจุ่มนั้ามันก๊าดเพื่อจะขีดวงกันมดที่ไต่ตามช่องแตกของพื้นหินไม่ให้มารบกวน แต่ขีดไปได้ครึ่งหนึ่งท่านก็นึกละอายใจว่า สละชีวิตแล้วยังมากลัวมดอีก จึงตัดสินใจหลับตาปล่อยชีวิตไปเลย

       ท่านบอกว่า ค่อนคืนทีเดียวจึงได้บรรลุถึงธรรมกาย บรรลุถึงธรรมกายแล้วท่านก็บอก โอ้! มันยากอย่างนี้นี่เอง มันตัองดับก่อนแล้วจึงเกิด คือใจตัองหยุดตัองนิ่งเสียก่อน ถูกส่วนถึงจะเหินไปตามลำดับ จนกระทั่งถึงกายธรรม พอถึงกายธรรมเป็นอ้นหนึ่งอันเดียวกันเข้าก็รู้ว่านี่แหละ คือ กายธรรม เป็นกายตรัสรู้ธรรมอยู่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ท่านตรวจตราดูทบทวนดูอย่างดี ทีเดียวจนกระทั่งมั่นใจว่า นี่ถูกทางพระสัมมาส้มพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็ทบทวนทำความเพียรไปทั้งคืนจนกระทั่งติดอยู่ในกลางท่าน แล้วต่อมาท่านเห็นในญาณทัสสนะว่า จะมีผู้บรรลุธรรมกายตามท่านอยู่ที่วัดบางปลา อ.บางเลน จ.นครปฐม

    ภายในพรรษานั้นท่านทบทวนแล้วก็ศึกษาวิชชาธรรมกาย ด้วยธรรมกายภายในกลางกายเรื่อยไป ในที่สุดออกพรรษาแล้วก็ได้ไปที่วัดบางปลา มีผู้บรรลุธรรมตามท่าน เป็นพระภิกษุ ๓ รูป ฆราวาส ๔ ท่าน ตามที่ท่านได้เห็นในญาณทัสสนะ แล้วก็เริ่มเผยแผ่ธรรมะเรื่อยมาจนกระทั่งได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ

    เพราะฉะนั้น การที่หลวงพ่อวัดปากนํ้า ภาษีเจริญ ได้ ค้นพบ "วิชชาธรรมกาย" ทำให้พวกเราทั้งหลายรู้จัก "ธรรมกาย" ว่ามีอยู่ในกลางกายของมนุษย์ทุกคน เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด และเป็นเป้าหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ที่ต่างเกิดมาก็เพื่อแสวงหาธรรมกาย เพราะฉะนั้นหลวงพ่อวัดปากนํ้าภาษีเจริญ จึงเป็นบุคคลสำคัญที่มีพระคุณต่อชาวโลกและเป็นบุคคลที่ควรแก่การเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง...


 

 

 

 

วันอาทิตย์ที่ ๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๔๔

จากหนังสือ แม่บท เดินทางข้ามวัฏสงสาร

 ยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล Total Execution Time: 0.0024557828903198 Mins