.....ในคืนที่ตัดสินใจว่าจะข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกานั้น เอกนอนไม่หลับทั้งคืน ไม่นึกไม่ฝันว่าเรื่องแบบนี้จะตัดสินใจกันอย่างฉุกละหุกเมื่อผลการสอบคัดเลือกเข้าเรียนมัธยมปลายประกาศออกมา ปรากฎว่าเขาสอบไม่ติดอะไรเลย ทำให้พ่อแม่รู้สึกอับอายขายหน้ามาก เมื่อผ่านการ “ปรึกษาหารือ” ชนิดรีบร้อนและไม่มีทางให้เลือก อีกทั้งได้รับความเห็นชอบจากป้าใหญ่ที่พำนักอยู่ในสหรัฐแล้ว ก็เป็นอันตกลงตามนั้น เอกรู้สึกน้อยใจกับการสอบคัดเลือกที่กำหนดชะตาชีวิตครั้งนี้มาก บางคนอาจจะดีใจ แต่สำหรับเขาไม่ เพราะมันได้กำหนดให้เขาต้องถูกปล่อยเกาะไปอยู่ต่างแดนแล้วจริงๆ !
.....เขารู้สึกทั้งโศกเศร้าและคับแค้น ! ตลอดกระบวนการทุบโต๊ะตัดสินได้สิ้นสุดลง ทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนนอกคอก เป็นลูกนอกบ้าน ไม่มีใครอยากรับฟังความคิดเห็นของเขาเลย พอเอ่ยปากบอกพ่อกับแม่ว่าไม่อยากไปเรียนเมืองนอก ก็โดนแม่ด่าซ้ำเตรียมตัวเตรียมใจไม่ทันพร้อม หนังสือเดินทางก็เสร็จเรียบร้อย รู้ตัวอีกทีก็ถูกห้อล้อมแห่แหนไปยังสนามบินดอนเมือง ใจคอของเอกสับสนจนบอกไม่ถูก แม้ภายนอกทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวก็ตาม พ่อสีหน้าเคร่งเครียด ไม่พูดอะไร ส่วนแม่ก็น้ำตาไหลสั่งแล้วสั่งเล่าเอกรู้สึกว้าเหว่จับใจ เขาเคยเห็นป้าใหญ่ที่อยู่สหรัฐก็แต่เพียงรูปถ่ายเท่านั้น วันนี้กลับถูกบีบให้ต้องหนีร้อนไปพึ่งเย็น ทำให้สภาพจิตใจที่ต้องมุ่งหน้าไปพึ่งพิงยิ่งปวดร้าวหนัก แม้แต่เพื่อนรักก็ไม่ทันได้ร่ำลากัน เขารู้สึกทดท้อถึงที่สุดทีเดียว ! ไม่รู้ว่าจะต้องไปเจอกับอะไรบ้าง ในการจากบ้านไปไกลที่สุดครั้งแรกในชีวิต
.....หลังการอำลาที่วุ่นวายรีบร้อน เขาก็ขึ้นเครื่อง ก่อนจะผ่านด่านเช็คอินดูเหมือนว่าพ่อจะยัดอะไรบางอย่างลงในกระเป๋าใบที่หิ้วขึ้นเครื่อง เอกยังไม่ทันได้ดูละเอียด เมื่อเครื่องบินทะยานขึ้นฟ้าแล้ว จึงหยิบออกมาดู ที่แท้เป็นจดหมายจากพ่อ เขียนว่า “ ลูกรัก…แกไม่เคยจากบ้านเพียงลำพัง คงกังวลใจมาก พ่อก็จะรีบบอกแกล่วงหน้า ว่าอยู่เมืองนอกไม่สบายอย่างที่คิดหรอกนะ แกต้องไปเจอกับคนต่างวัฒนธรรม ต่างภาษา และต่างจิตใจ พ่อจะให้คาถาแก้ทุกข์ไว้ ๒ ข้อ เวลาเจออุปสรรค ให้จำคำพ่อไว้ให้ดีนะลูก คือคำว่า อด กับ ทน
…อด คือ อยากได้ แต่ ไม่ได้….
…ทน คือ ไม่อยากได้ แต่ ได้…
ให้แกมีคาถาสองข้อนี้อยู่ในใจ…อยู่ที่ไหนไม่มีวันลำบากเอกยิ้มให้กับความรักของพ่อที่บอกผ่านตัวอักษร เขารับคำพ่ออยู่ในใจ ใจที่หนักแน่นและมีพลังมากขึ้นกว่าเดิม !
อุบลเขียว