.....เจอเพื่อนรักที่คบกันมานานสิบกว่าปี เธอดูอ้วนขึ้นไปตามวัย วัยที่ระบบการเผาผลาญอาหารในร่างกายลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ทว่าความหิวยังเท่าเดิม จึงไม่น่าแปลกใจทำไมคนวัยสามสิบอัพจึงมีใบหน้าอวบอูมเป็นส่วนใหญ่ มองดูตัวถังตนเองก็เช่นกัน ยังธรรมสังเวชให้เกิดขึ้นในบัดดลถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เห็นสีหน้าเธอหมองคล้ำไป ได้ความว่า เธอเครียดกับงาน ที่ทำตั้งนานไม่รวยสักที อันที่จริงเราเองก็พอจะเดาได้ ว่าทำไมเธอถึงไม่รวยสักที คำโบราณว่าไว้ สิทธิการิยะ อันผู้ใดมีความขยันหมั่นเพียรเป็นที่ตั้ง ย่อมยังประโยชน์ทั้งหลายให้สำเร็จดังประสงค์ แต่ก็เกรงว่าไม่เป็นการดีแน่ ถ้าจะพูดออกไปตรงๆ จึงได้แต่นั่งนิ่งฟังเรื่องราวอันสับสนปนวุ่นวายดุจกลุ่มด้ายของเธอต่อไป
…ฟังอยู่นานอักโขร่วมชั่วโมงเศษๆ ไม่อาจจะพรรณาโวหารเป็นกลอนอักษรได้หมดสิ้น เนื่องจากชีวิตจริงยิ่งกว่านิยายเป็นไหนๆ ได้แต่บทสรุปที่ทำให้รู้สึกปลงนิจจาสังขารมากขึ้นชีวิตทางโลก…เป็นชีวิตที่ต้องดิ้นรน แสวงหา เธออยากสบาย .. อยากมีความสุข.. อยากมีอิสระเสรีไม่ถูกใครบังคับบัญชา .. แต่เธอจะรู้บ้างไหมว่า.. เธอไม่สามารถมีความสุข สนุก สบาย ได้นานๆ เลยสักครั้งเดียว.. เหมือนมีใครมาคอยบังคับควบคุมให้เธอต้องดิ้นรน แสวงหาต่อไปเรื่อยๆแล้วก็ต้องทุกข์อีกในขั้นตอนสุดท้ายได้อย่างมากก็แค่ความ”เพลิน” เล็กๆ น้อยๆ ที่เธอหลงคิดว่าเป็นความสุข…
…กว่าจะรู้ตัวอีกที…ว่าความจริงในชีวิตคืออะไร.. คุณภาพใจก็เสียไปมิใช่น้อย.. เวลาในชีวิตก็เสียไปมิใช่น้อย.. ร่างกายเริ่มอ่อนล้า.. นำพาจิตใจให้อ่อนแอ..วันที่เธออยากหลุดพ้นจากพันธนาการ.. ก็มีบ่วงในชีวิตมากมายให้คอยเป็นห่วงเป็นกังวลไม่อาจหนีพ้นไปเสียแล้วสายเกินไปจริงๆเวลาในชีวิตที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยที่จะต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูบุตร ภรรยา หรือ สามี ที่พระพุทธพจน์กล่าวว่า บุตรภรรยาประดุจพันธนาการที่รัดรึงแน่นหนาที่สุดในโลก ไม่ได้มัดกายแต่มัดใจเป็นภาระของเธอไปตลอดชีวิตภาระ ที่เธอใช้เป็นเสบียงติดตัวไปไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว ..
…ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนมองดูสีหน้าของเธออีกที อยากจะพูดให้กำลังใจอะไรที่ดีกว่านี้ แต่คิดได้ว่าคงจะเปล่าประโยชน์เพราะดูเธอคงไม่ได้อยากฟังคำปลอบประโลมใจ เพียงแค่อยากพูดระบายให้ใครสักคนฟังเท่านั้นเองหลายคนแค่ได้พูดอะไรออกไปก็สบายใจแล้ว…แต่เรื่องของเธอคืออุทาหรณ์ให้เราอย่างดี
…หากมีโอกาสในการทำความดีแล้วไซร้ …พึงกระทำในวันนี้เถิด !
อุบลเขียว