.....เมื่อวันก่อนไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาล เธอประสบอุบัติเหตุถูกรถชนระหว่างข้ามถนนพอรู้ข่าวก็รีบไปโรงพยาบาลทันที เพื่อนชายของเธอเป็นผู้โทรศัพท์บอกดิฉันว่า ทันทีที่รู้ว่าเพื่อนประสบอุบัติเหตุ ในหัวมืดตื้อมึนงงทำอะไรไม่ถูก นึกถึงหน้าดิฉันเป็นคนแรก เพราะเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดกับผู้ป่วย ดิฉันฟังแล้วให้นึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมไม่นึกถึงคุณพ่อคุณแม่ของเธอ มานึกถึงดิฉันทำไมนึกไปนึกมา หรือเพราะวันวัยที่ห่างไกลจากบุพการีมามาก นับสิบปียี่สิบปี เลยทำให้นึกถึงสิ่งใกล้ตัวไว้ก่อน ธรรมดาเวลาคนเราตกอยู่ในภาวะคับขัน สิ่งที่คิดถึงอันดับแรก คือ “ ที่พึ่ง ” ที่คิดว่าจะพาตนเองให้อยู่รอดปลอดภัยละกระมัง
.....เมื่อไปถึงโรงพยาบาล บรรดาญาติพี่น้องของเธอต่างทยอยกันมาทีละคน ทุกคนล้วนมีใบหน้าตื่นตระหนก ดูจากใบหน้าทุกคนแล้วดิฉันคิดว่ากำลังแบกโลกไว้อย่างน้อยคนละสองใบฝั่งซ้ายถกเถียงกันเรื่องค่าประกัน และการดำเนินคดีความ ฝั่งขวาถกกันเรื่องคู่กรณีจะมาไม้ไหนเขาจะเรียกร้องอะไรกับเราหรือไม่ทุกคนหน้าดำคร่ำเครียด ดิฉันชำเลืองมองดูผู้ป่วยที่นอนอยู่ตรงกลางระหว่างสภาฯทั้งสองฟาก หน้าตาอมทุกข์ไม่แพ้กัน ทั้งหวาดกลัว หวาดระแวง และอีกสารพัด เพื่อนชายเห็นท่าไม่ดี เลยหยิบแอ๊บเปิ้ลมาปอกให้ผู้ป่วย ทันทีที่เพื่อนดิฉันเห็นมีดอยู่ในมือเขาเท่านั้นแหละ เธอร้องออกมาทันทีว่า …ระวังนะ! อย่าถือมีดอย่างนี้ อย่าวางมีดแถวนี้ เดี๋ยวเกิดคู่กรณีเข้ามาเอามาแทงเราจะว่ายังไง เอาออกไป๊!
.....ทุกคนตามใจเธอ แต่ดิฉันรู้สึกฉงนฉงายและปลงใจอย่างแรง ไม่นึกว่าเพื่อนผู้สงบเย็น เรียบร้อย จะเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ เธอหวาดกลัว ไร้ที่พึ่ง และควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ทั้งที่เธอไม่ได้บาดเจ็บขั้นรุนแรงสักนิด กระดูกไม่หักสักท่อน เลือดไม่ออกสักหยด!เห็นภาพนี้แล้ว ดิฉันได้ความรู้มากมายเกินบรรยายแค่ได้สัมผัสกับชีวิตเฉียดตายเพียงเสี้ยว ยังหวาดกลัวถึงเพียงนี้ แล้วถ้าต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง เธอจะทวงสิทธิคืนกับใครคนเราทุกวันนี้อยู่ด้วยการเสี่ยง เสี่ยงตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่ ถามตัวเราเถิดว่าเราดำเนินชีวิตด้วยความประมาทอยู่หรือเปล่า เราเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันนั้นแล้วหรือยัง
.....ในเมื่อ ชีวิตจะต้องเสี่ยงอยู่แล้ว ให้เสี่ยงด้วยการทำความดีเถิด เพื่อวันนั้นมาถึงเข้าจะได้ไม่เสียใจทีหลัง เพราะได้สร้างสิ่งดีไว้ในโลกนี้เพียงพอในวันข้างหน้าแล้วซึ่งใครก็ทำให้เราไม่ได้ นอกจากตัวเราเอง…
อุบลเขียว